นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ตามที่กรมสรรพากรได้ออกกฎหมายจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริการอิเล็กทรอนิกส์จากแพลตฟอร์มผู้ให้บริการต่างประเทศ (VAT for Electronic Service : VES) ที่ให้บริการกับผู้ใช้บริการในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มผู้ให้บริการต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 127 ราย และมียอดมูลค่าบริการอิเล็กทรอนิกส์รวม 44,569.83 ล้านบาท คิดเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บสะสม 5 เดือน (เดือนภาษีก.ย.2564 –ม.ค. 2565) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,120.03 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม แยกตามประเภทแพลตฟอร์มและบริการสะสม 5 เดือน โดยบริการโฆษณาออนไลน์ มีมูลค่าบริการ 28,013.66 ล้านบาท จัดเก็บได้ 1,960.96 ล้านบาท , บริการขายสินค้าออนไลน์ มีมูลค่าบริการ 1,982.82 ล้านบาท จัดเก็บได้ 838.83 ล้านบาท
บริการสมาชิก เพลง หนัง เกมส์ฯลฯ มีมูลค่าบริการ 4,023.06 ล้านบาท จัดเก็บได้ 281.69 ล้านบาท , บริการแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลาง มีมูลค่าบริการ 367.67 ล้านบาท จัดเก็บได้ 25.76 ล้านบาท และ บริการแพลตฟอร์มจองที่พัก ตั๋วเดินทาง ฯลฯ มีมูลค่าบริการ 182.62 ล้านบาท จัดเก็บได้ 12.79 ล้านบาท
“การจัดเก็บภาษี e-Service จากผู้ประกอบการต่างประเทศหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์กับผู้ใช้บริการในประเทศไทยที่จัดเก็บได้จำนวนกว่า 3,000 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 5 เดือนนั้น ทำให้คาดได้ว่าภายใน 1 ปี ทางกรมสรรพากรจะสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้จากแพลตฟอร์มผู้ให้บริการต่างประเทศประมาณ 8,000 – 10,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่เคยมีการคาดการณ์ไว้แต่เดิมว่าจะจัดเก็บได้ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท” นายเอกนิติ กล่าว
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวด้วยว่า การเก็บภาษี e – Service นอกจากเป็นการช่วยสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับประเทศแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการต่างประเทศ ด้วยการนำภาษีมาสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น