Fund Flow ทะลัก 9.5 หมื่นล้าน ลุ้นหุ้นไทยสัปดาห์หน้ายืนเหนือ 1,700 จุด

20 มี.ค. 2565 | 02:15 น.
อัปเดตล่าสุด :20 มี.ค. 2565 | 09:16 น.

บล.กสิกรไทย ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์หน้ากรอบ1,650-1,700 จุด จับตาสถานการณ์โควิด- ยูเครน ตัวเลขเศรษฐกิจ และ Fund Flow หลังเข้าซื้อหุ้นไทยสะสมสุทธิแล้วกว่า 9.5 หมื่นล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า ( 21-25 มี.ค 65 ) ดัชนีหุ้นไทย (SET Index ) มีแนวรับ 1,665 และ 1,650 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,690 และ 1,700 จุด ตามลำดับ  โดยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ตัวเลขส่งออกเดือนก.พ. ของไทย ทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ตลอดจนสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน 

 

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. ดัชนี PMI เดือนมี.ค. (เบื้องต้น)รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนมี.ค. ของจีน รวมถึงดัชนี PMI เดือนมี.ค. (เบื้องต้น)ของยูโรโซนและญี่ปุ่น  
 

การเคลื่อนไหวของหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 14-18 มี.ค.65 ) ปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงในช่วงแรกท่ามกลางปัจจัยลบ อาทิ วิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ การประกาศล็อกดาวน์ของจีนในหลายเมืองเพื่อสกัดยอดผู้ป่วยโควิดที่พุ่งสูงขึ้น 

 

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยทยอยปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์สอดคล้องกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรวมถึงผลการประชุมเฟดซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์และมีความชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ กระนั้น ยอดผู้ป่วยโควิดในไทยที่พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่จำกัดกรอบการปรับขึ้นของหุ้นไทยช่วงปลายสัปดาห์

 

วันศุกร์ (18 มี.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,678.51 จุด เพิ่มขึ้น 1.24% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ 421,788.40 ล้านบาท เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 84,357.68 ล้านบาท ลดลง 26.19% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.46% มาปิดที่ 621.38 จุด
 

ต่างชาติซื้อหุ้นไทยสะสมสุทธิกว่า 9.5 หมื่นล้านบาท

 

มูลค่าการซื้อขายแยกตามกลุ่มผู้ลงทุน  ดังนี้

 

  • นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 11,147.97 ล้านบาท ( มูลค่าซื้อขายสะสมตั้งแต่ต้นปี 65 มีสถานะซื้อสุทธิ  95,280.13 ล้านบาท )
  • นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 2,569.98  ล้านบาท ( มูลค่าสะสมซื้อขายตั้งแต่ต้นปี 65 มีสถานะขายสุทธิ 71,652.25 ล้านบาท )  
  • บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 496.25  ล้านบาท (มูลค่าซื้อขายสะสมตั้งแต่ต้นปี 65 มีสถานะซื้อสุทธิ 398.44 ล้านบาท )
  • นักลงทุนรายย่อยในประเทศขายสุทธิ 8,081.75  ล้านบาท ( มูลค่าซื้อขายสะสมตั้งแต่ต้นปี 65 มีสถานะขายสุทธิ  24,026.32 ล้านบาท )