นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า Rare Earth และ Strategic Metals เป็นกลุ่มของแร่ธาตุทางเคมี 17 ชนิดที่มีความสำคัญและเป็นส่วนประกอบสำคัญของสินค้าและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น สมาร์ทโฟน ชิป แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีพลังงานสีเขียว กังหันลม โซลาร์เซลล์ ระบบสื่อสารใยแก้วนำแสง เครื่องยนต์เครื่องบิน เครื่อง MRI ระบบ GPS และเลเซอร์
ที่ผ่านมาชาติมหาอำนาจอย่างจีน และสหรัฐอเมริกา ต่างต้องการเป็นผู้นำในการผลิตแร่ดังกล่าว และพบว่าเป็นหนึ่งในสินค้าที่ถูกหยิบมาเป็นประเด็นกดดันการค้าระหว่างสองประเทศมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม แม้ Rare Earth จะมีอยู่ในโลกจำนวนมาก แต่อยู่กระจัดกระจายไม่ได้รวมในแหล่งเดียวกัน อีกทั้งกระบวนการทำเหมืองและถลุงแร่มีค่าใช้จ่ายสูง และมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถทำเหมืองถลุงแร่ดังกล่าวได้ ทำให้มีประเด็นข่าวการขาดแคลน Rare Earth ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากมีปริมาณความต้องการที่มากกว่ากำลังการผลิต ซึ่งในอนาคตความต้องการ Rare Earth จะสูงขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก BloombergNEF เมื่อปี 2563 พบว่า ความต้องการ Rare Earth สำหรับเป็นส่วนประกอบกังหันลมในปี 2573 จะเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 2 เท่า และความต้องการ Rare Earth สำหรับเป็นส่วนประกอบมอเตอร์ไฟฟ้าในปี 2573 จะเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 17 เท่า
ดังนั้น เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสลงทุนในธุรกิจที่เป็นที่ต้องการของโลกแห่งอนาคต บลจ.ทิสโก้เปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ Rare Earth & Strategic Metals (TRAREEARTH) กองทุนรวมตราสารทุน เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต การขุดเหมืองแร่ การถลุงและรีไซเคิลแร่หายาก (Rare Earth) และ/หรือ แร่โลหะที่มีความจำเป็นต่อกระบวนการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ (Strategic Metals) ทั่วโลก ผ่านกองทุนรวมอีทีเอฟอย่างน้อย 2 กองทุน
เสนอขายครั้งแรก (IPO) 23 มีนาคม - 7 เมษายน 2565 ทั้งนี้ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Materials จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
สำหรับตัวอย่างบริษัทที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน เช่น Pilbara Minerals บริษัทเหมืองแร่ Lithium รวมไปถึงการ กลั่นแร่ชั้นนำของออสเตรเลีย เพื่อผลิต Lithium Battery ของรถยนต์ไฟฟ้า มีรายได้และการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง เช่น CATL ผู้ผลิตสารประกอบลิเธียมรายใหญ่ที่สุดของจีน Ganfeng Lithium ผู้ผลิตโลหะลิเทียมที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของจีนและอันดับ 3 ของโลก เป็นต้น
ตัวอย่างต่อมาคือ Contemporary Amperex Technology Co. (CATL) บริษัทแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน เชี่ยวชาญด้านการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน และระบบการจัดการแบตเตอรี่ มีลูกค้ารายใหญ่อย่าง BMW, Volkswagen, Mercedes – Benz และ Apple และยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ TESLA ในจีน นอกจากนี้ ในปี 2564 CATL ยังครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของโลกและครองมูลค่าตลาดอันดับ 1 ในกลุ่ม Hard Tech จีน อีกด้วย
ตัวอย่างสุดท้ายคือ Lynas Rare Earths บริษัทขุดแร่หายากของออสเตรเลีย ผู้ผลิต Rare Earths ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกซึ่งอยู่นอกประเทศจีน ผลกำไรงวดครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2563 - 2565 เติบโตเฉลี่ย 534% ต่อปี และยังควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด