จากกรณีที่นาย ธีระชัย รัตนกมลพร ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) หรือ DITTO เข้าซื้อหุ้นใน บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ ( TEAMG ) ในสัดส่วน 11.78% จนขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ1 ใน TEAMG ล่าสุดทาง ดร.อภิชาติ สระมูล ประธานเจ้าหน้าที่ TEAMG ได้ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า การที่ ธีระชัย รัตนกมลพร เข้าซื้อหุ้นของ TEAMG สัดส่วน 11.7867 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการนั้น ไม่ส่งผลต่อโครงสร้างการบริหารจัดการของบริษัทฯ
อ่านเพิ่ม : "ธีระชัย รัตนกมลพร"ผู้ถือหุ้นใหญ่ DITTO โผล่ถือหุ้นใหญ่ TEAMG 11%
: ทีมกรุ๊ป แจง“ธีระชัย รัตนกมลพร”ถือหุ้น 11% ไม่กระทบโครงสร้างบริหารบริษัท
ต่อเรื่องนี้ นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) (DITTO) และเป็นน้องชาย นายธีระชัย รัตนกมลพร เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงเบื้องหลังการที่นายธีระชัย เข้าถือหุ้นใหญ่ใน TEAMG ว่าเนื่องจากบริษัทฯ มีความสนใจ โดยมองถึงความเป็นไปได้ที่จะซินเนอยี่ธุรกิจระหว่าง 2 บริษัท
จากจุดแข็งของ TEAMG ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร ในด้านการออกแบบ บริหารจัดการ การควบคุมสิ่งแวดล้ม เรื่องของน้ำประปา โรงไฟฟ้า เขื่อน ฯลฯ โดยมีบุคลากรด้านวิศวกรรมจำนวนมาก
ขณะที่ธุรกิจหลักขอ DITTO คนอาจมองว่าเรามีจุดแข็ง ด้านการบริหารข้อมูลครบจร ( Document and Data Management Solution) แต่ธุรกิจโครงการรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยี่ ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักที่สร้างรายได้เติบโตให้บริษัทฯ ( ดำเนินการโดย บจก. สยาม ทีซี เทคโนโลยี ในเครือของบริษัท ) เรามีโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก และหลายโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ หากได้บุคลากรมาเสริมทีม จะเป็นการต่อยอดธุรกิจให้กับทั้ง 2 ฝ่าย
"การเข้าลงทุนของนายธีระชัย ใน TEAMG เป็นการมองถึงผลในระยะยาว และทางทีมกรุ๊ปก็มีบุคลากร และนักวิชาการที่มีศักยภาพทางด้านวิศวกรรมเป็นจำนวนมาก หากมีการซินเนอยี่ทางธุรกิจได้จะเป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย " ซีอีโอ DITTO กล่าวและว่า
เบื้องต้นผู้บริหารทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการพูดคุยบ้างแล้ว แต่เนื่องจากผู้ถือหุ้นของTEAMG มีหลายปาร์ตี้ จึงต้องรอความชัดเจน คาดจะมีการหารืออีกครั้งหลังสงกรานต์ ทั้งนี้ทางกลุ่มฯยืนยันว่าการเข้าถือหุ้นของนายธีระชัย ใน TEAMG ครั้งนี้ เราไม่มีเป้าหมายที่จะไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแน่นอน
ผลประกอบการของ DITTO ปี 64 มีรายได้อยู่ที่ 1,090.5 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 11% และมีกำไรสุทธิ 200.7 ล้านบาท เติบโต 76%
โครงสร้างรายได้มาจาก 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่