นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นว่า ยังแกว่งผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยคาดว่าปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นหลังจากผ่านช่วงวันหยุดยาว อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น จึงคาดการเคลื่อนไหวของดัชนี SET ในกรอบ 1,650-1,700 จุด
ขณะที่ปัจจัยกดดันการลงทุนยังคงมีต่อเนื่อง อาทิ สหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 8.5%YoY ในเดือนมี.ค. สูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2524 และสูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 8.4%YoY ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 11.2%YoY ในเดือนมี.ค. พุ่งทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เริ่มจัดทำดัชนีนี้ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10.6%YoY กดดันให้ FED เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ส่วนยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและทยอยสั่งล็อกดาวน์ในหลายเมืองส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจต่อเนื่อง แม้ว่าจีนจะรายงาน GDP ไตรมาส 1/2656 ขยายตัว 4.8%YoY สูงกว่าคาดการณ์ที่ 4.4%YoY ขณะที่หลายสำนักวิจัยทยอยปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 65 ของจีน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางธนาคารกลางจีนประกาศให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ภาคอุตสาหกรรม บริษัท และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 เพื่อบรรเทาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ด้านปัจจัยในประเทศทางกระทรวงการคลังได้มีการปรับลดกรอบการขยายตัวของ GDP ปี 2565 เหลือ 3-4% จากเดิม 3.5-4.5% ค่ากลาง 4% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ ทั้งการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ราคาน้ำมันตลาดโลกขึ้นราคา และการสู้รบระหว่างยูเครนกับรัสเซีย
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก แนะลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ศบค.เตรียมประชุมเพื่อหารือการปลดล็อคมาตรการเข้าประเทศทุกเงื่อนไข 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งรวมทั้งเลิก ThailandPass, Test&Go ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวมีโอกาสกลับมาคึกคักได้ ซึ่งหุ้นที่ได้อานิสงส์จากปัจจัยบวกดังกล่าวได้แก่ AOT, ERW และ CENTEL
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ยังคงต้องจับตามุมมองของเจมส์ บูลลาร์ด ที่ต้องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น อีกทั้งช่วงปลายสัปดาห์มีคำแถลงของประธานเฟดจึงทำให้ราคาทองคำอาจผันผวนได้ เพราะตลาดรับข่าวเงินเฟ้อไปแล้วและคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อสหรัฐอาจผ่านจุดพีคไปแล้ว การแสดงความคิดเห็นของเหล่าคณะกรรมการเฟด อาจจะกดดันราคาทองคำตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไป
โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้อาจมีการย่อตัวลงได้ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐปรับตัวขึ้นสูงที่ระดับ 2.86% สอดคล้องกับดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 100 สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มที่เฟดจะใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวมีมากขึ้น เมื่อเงินเฟ้อผ่านจุดพีคไปแล้ว การใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นอาจกดดันราคาทองคำ หากราคาปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 2,000-2,015$/oz แล้วไม่ผ่าน แนะนำทยอยเทขายทำกำไร