ช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 จากรายงานของ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช ประเทศไทย พบว่า กองทุนตราสารทุนต่างประเทศหลายกลุ่มยังคงมีเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 7.9 แสนล้านบาท สูงกว่าตราสารทุนไทยที่ 7.4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2020 มาถึงปัจจุบัน
สำหรับ กองทุนที่มีเงินไหลเข้าสุทธิมากที่สุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย
3 อันดับแรกเป็น 2 ตลาดกับ 1 สินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจ แต่ถ้าดูในแง่ธีมการลงทุนแล้ว กลุ่มกองทุนสุขภาพ หรือ Global Healt Care ถือเป็นกระแสการลงทุนสุขภาพที่นักลงทุนจับจ้องมาหลายปีก่อนที่โควิด-19 จะแพร่ระบาด และนับเป็นเมกะเทรนด์แห่งอนาคตอีก 1 ธีมที่มาแรงไม่แพ้กลุ่มเทคโนโลยี แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นไม่มีสะดุด เพราะผลการดำเนินงานของบางกองทุนในกลุ่มนี้ต้องเผชิญกับการปรับตัวลงเช่นกัน
สำหรับ 5 อันดับผลการดำเนินงานกองทุน Global Healt Care
ทั้ง 5 กองทุนข้างต้น เป็นกองทุนที่น่าสนใจกับผลงานที่ผ่านมา แต่ก็มีหลายกองในกลุ่มกองทุนนี้ปรับตัวลงในปีที่แล้ว ซี่งสาเหตุหลักของการปรับตัวลงน่าจะมาจากกลยุทธ์การลงทุนที่มีส่วนผสมของหุ้นเทคโนโลยี หรือ ที่เรียกว่า Healt Tech จึงได้รับผลกระทบจากการปรับลดลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีไปด้วย ซึ่งเมื่อเปรียบกับกองทุนที่เจาะจงเฉพาะหุ้นการบริการ การดูแลสุขภาพ และเวชภัณฑ์ แล้วจะเห็นความแตกต่างชัดเจนมากขึ้น
ยกตัวอย่าง กองทุน เคดับบลิวไอ เฮลธ์แคร์ ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นขึ้นมานั้น ปัจจุบันกองทุนหลัก Manulife Global Fund – Healthcare Fund มีการลงทุนในหุ้น 5 อันดับแรกประกอบด้วย
สำหรับ UnitedHealth Group Inc บริษัท ด้านการดูแลสุขภาพและการประกันภัยสัญชาติอเมริกัน ให้บริการผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและบริการประกันภัย UnitedHealth Group เป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับแปดของโลกในด้านรายได้ และบริษัทด้านการดูแลสุขภาพที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก CVS Health
อันดับที่ 2.Roche บริษัทด้านการดูแลสุขภาพข้ามชาติของสวิสที่ดำเนินงานทั่วโลก ซึ่งโรชเป็นบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และผู้ให้บริการชั้นนำด้านการรักษาโรคมะเร็งทั่วโลก ขณะที่อันดับที่ 3.Abbott Laboratories บริษัทดูแลสุขภาพสัญชาติอเมริกัน ปัจจุบันขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ การวินิจฉัย ยาสามัญที่มีตราสินค้า และผลิตภัณฑ์ทางโภชนาการ
ส่วนอันดับที่ 4.Pfizer Inc คนไทยรู้จักกันดีกับการพัฒนาและผลิตยาและวัคซีนสำหรับภูมิคุ้มกันวิทยา มะเร็งวิทยา โรคหัวใจ ต่อมไร้ท่อ และประสาทวิทยา บริษัทมียาหรือผลิตภัณฑ์บล็อคบัสเตอร์หลายตัวที่แต่ละรายการสร้างรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
สุดท้ายคือ Eli Lilly and Co บริษัทยาสัญชาติอเมริกัน ความสำเร็จที่โดดเด่นของ Lilly รวมถึงการเป็นบริษัทแรกที่ผลิตวัคซีนโปลิโอจำนวนมากที่พัฒนาโดย Jonas Salk และอินซูลิน เป็นหนึ่งในบริษัทยาแห่งแรกที่ผลิตอินซูลินของมนุษย์โดยใช้ recombinant DNA
ขณะที่กองทุนที่ผลการดำเนินงานปรับตัวลงพบว่า ทุกกองมีส่วนผสมหุ้นด้านเทคโนโลยีสุขภาพเข้ามา หรือเป็นกองเฉพาะเจาะจงด้านเทคโนโลยีสุขภาพล้วนๆ ซึ่งถ้ากองไหนมีการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการแพทย์ด้วยแล้วผลงานในปีนี้น่าหวาดเสียวทีเดียวท่ามกลางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ
ฉะนั้นโดยรวมแล้วใครต้องการลงทุนธีมสุขภาพคงต้องดูรายละเอียดให้ดีว่านโยบายของแต่ละกองเป็นอย่างไร เพราะจริงอยู่ที่เทโคโนโลยีสุขภาพถ้าปังขึ้นมากำไรพุ่งแน่นอนแต่ก็ต้องรับความเสี่ยงให้ได้ด้วยเพราะโอกาสสูงเช่นกันที่จะติดลบถ้าเทคโนโลยีแป๊กไปต่อไม่ได้
ส่วนจังหวะนี้เหมาะลงทุนหรือไม่แนวโน้มเป็นอย่างไร "นาวิน อิทรสมบัติ" รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย จำกัดบอกว่า แนวโน้มการลงทุนในหุ้นกลุ่ม global health care โดยเฉพาะที่ไม่มีส่วนผสมเฮลทธ์เทคถือเป็น defensive sector จะผันผวนน้อยในกรณีที่ เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กองทุน health care ที่ไม่ใช่ health tech ปรับตัวขึ้นมาระดับนึงแล้ว แต่เชื่อว่ายังสามารถลงทุนเพิ่มได้ เนื่องจากเป็น theme ระยะยาว โดยแนะนำว่า ควรให้น้ำหนักตามความเสี่ยงที่รับได้และไม่ควรมากกว่าเมื่อเทียบกับพอร์ตรวม
“เรามองว่า ปีนี้หุ้นกลุ่มนี้ยังมีอัพไซด์อยู่ โดยอัตราการการเติบโตของกำไรจะอยู่ที่ประมาณ 6-8% แต่อาจเจอการปรับลดของ P/E multiple ของตลาดรวม อาจส่งผลให้ราคาปรับได้อีกเล็กน้อยจากแรงกดดันของปัญหาเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยในระยะยาว3-5ปีหุ้นกลุ่มนี้เหมาะกับการลงทุน และน่าสนใจกว่ากลุ่มหุ้น tech และหุ้น growth ที่จะเจอผลกระทบจากการถอนสภาพคล่องออกจากระบบและการปรับขึ้นของดอกเบี้ย”นายนาวินกล่าว
สรุปแล้วธีมสุขภาพยังดูดีมีอนาคตในระยะยาวแถมผันผวนน้อยเมื่อเศรษฐกิจไม่แน่นอน ส่วนจะเลือกลงทุนอย่างไรขอให้ดูนโยบายให้ดี เพราะถ้าอยากโลดโผนรับความเสียวได้ ก็ผสมหรือจะเป็น Healt Tech เพียวๆกันไป แต่ถ้าไม่ต้องการ กลุ่มหุ้นสุขภาพด้านการบริการ เวชภัณฑ์ หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพถือว่าน่าสนใจทีเดียว
ยิ่งเมื่อชาวโลกในหลายประเทศกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย และมีประสบการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยแล้ว ความใส่ใจหรืองบการใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นแน่นอน ซึ่งถ้าเชื่อแบบนี้ การลงทุนในกองทุน Global Healt Care ก็ถือเป็นการเติมภูมิคุ้มการด้านสุขภาพที่ดีให้แก่พอร์ตการลงทุนด้วยเช่นกัน