เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อและค่าครองชีพของภาคครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าขายและผู้มีรายได้ประจำหรือไม่ประจำต้องการสภาพคล่อง เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสของธุรกิจจำนำทะเบียนรถ
ทั้งนี้จากรายงานผลประกอบการปี 2564 ของบริษัทที่ให้บริการจำนำทะเบียนรถในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 6 แห่ง พบว่า มีกำไรสุทธิรวม 13,969 ล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อรวม 241,089 ล้านบาท ประกอบด้วย
นายธีรชาติ จิรจรัสพร กรรมการผู้จัดการ ลีสซิ่ง กสิกรไทย (KL) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ภาพรวมตลาดจำนำทะเบียนรถยนต์มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่ขยายตัวได้ 26% โดยเฉพาะการเติบโตจากฝั่งนอนแบงก์ที่มีความยืดหยุ่นด้านนโยบายเครดิต ประกอบกับปัจจัยพื้นฐาน จากฐานลูกค้าที่มีรถยนต์อยู่แล้ว ซึ่งมีความต้องการสินเชื่อรีไฟแนนซ์/จำนำทะเบียน
ขณะที่โอกาสการทำตลาดในมุมของธนาคารพาณิชย์ จะมุ่งเน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสอง แต่ธนาคารจะมีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อรีไฟแนนซ์หรือจำนำทะเบียนรถจากฐานลูกค้าเดิม
โดยเฉพาะถ้ามีฐานลูกค้าเก่าขอรับมาตรการช่วยเหลือในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าไม่ผ่านคุณสมบัติ เพราะลูกค้าอยู่ในช่วงยืดระยะเวลาชำระหนี้ หรือลดวงเงินผ่อนชำระ ซึ่งปกติธนาคารจะปล่อยสินเชื่อรีไฟแนนซ์/จำนำทะเบียนกับลูกค้ากลุ่มเดิมที่ผ่อนชำระค่างวดมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว
“กลุ่มแบงก์จะมีความได้เปรียบเรื่องต้นทุนและดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งให้วงเงินที่สูงกว่า โดยเสนอสินเชื่อ TOP-UP ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่และรถมือสอง โดยสินเชื่อเช่าซื้อจะคิดดอกเบี้ย 8-9%ต่อปี และให้วงเงินสูงถึง 3 แสนบาทต่อราย ขณะที่สินเชื่อจำนำทะเบียนในตลาดจะคิดดอกเบี้ยประมาณ 18-22% ต่อปี และให้วงเงินต่ำกว่า 1 แสนบาท”นายธีรชาติกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ของลีสซิ่งกสิกรไทย สินเชื่อปล่อยใหม่เติบโต 49% ทำสถิติสูงสุด โดยเฉพาะรถแลกเงินและจำนำทะเบียนรถ ทำให้พอร์ตสินเชื่อเติบโต 9.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมียอดคงค้างที่ 1.25 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกันยังรักษาการทำกำไรได้ดี มีอัตราผลตอบแทนและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นมาก ส่วนหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ปรับลดลงเหลือ 1.19% จาก 1.3% เมื่อปีก่อน
“ไตรมาสแรกปีนี้ KL สามารถเติบโตได้ดี ด้วยกลยุทธ์สำคัญคือ ยังมีฐานลูกค้าเก่าอีกพอสมควรและฐานลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยจำนวนมาก ส่วนอีกกลยุทธ์คือ ขยายโอกาสทำตลาดจำนำทะเบียน โดยไม่ต้องใช้เอกสารรายได้และให้วงเงิน 60% ของมูลค่ารถยนต์ ซึ่งสูงกว่านอนแบงก์ที่ให้วงเงินประมาณ 30-40%”
นายศุภชัย บุญศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเวย์ จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและนายหน้าประกันภัย ภายใต้แบรนด์ “สมหวัง เงินสั่งได้” ในกลุ่มธนาคาร ทิสโก้กล่าวว่า ปี 2565นี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานการเติบโตสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ในระดับอำเภอ และตำบลตามแผนที่วางไว้ควบคู่กับการรักษาฐานลูกค้าเดิม
นอกจากนั้นยังคงเดินหน้าเปิดสาขาเพิ่มเติม เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการที่สะดวกสบายมากขึ้น โดยยังคงเปิดสาขาต่อเนื่องจากที่มีอยู่แล้ว 400 แห่งและไม่ได้จำกัดเฉพาะช่องทางสาขาเท่านั้น เห็นได้จากการมีช่องทางให้บริการทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยปัจจุบันลูกค้าใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ต่อเดือนราว 20%
“ปีนี้ทั้งปี เราตั้งเป้าสินเชื่อจำนำทะเบียนเติบโต 40% โดยเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ 10,000 ล้านบาท(รวมธนาคารทิสโก้) เฉพาะสมหวังเงินสั่งได้ ราว 7-8 พันล้านบาทและคาดว่า สิ้นปีพอร์ตคงค้างรวมจะอยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท” นายศุภชัย กล่าว
ทั้งนี้ภาพรวม ไตรมาส 1/65 ธนาคาร ทิสโก้ มีสินเชื่อเช่าซื้อมีมูลค่ารวม 1.11 แสนล้านบาท ลดลง 0.9%จากสิ้นปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ใหม่ลดลง 1.3% แต่สินเชื่อรถยนต์มือสองเติบโต 2.3% สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์โต 1.4% เป็นไปตามแผนการขยายสินเชื่อในกลุ่มสินเชื่อที่มีอัตราผลตอบแทนสูง
ส่วนสินเชื่อจำนำทะเบียน (Auto Cash) เพิ่มขึ้น 1.5% จากสิ้นปีก่อน โดยเฉพาะการขยายตัวของสินเชื่อจำนำทะเบียนผ่านช่องทางสาขา“สมหวัง เงินสั่งได้” ซึ่งเติบโต 3.0%จากสิ้นปีก่อนมาอยู่ที่ 18,452 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 57.4% ของสินเชื่อจำนำทะเบียนรวม 32,165 ล้านบาท
ด้านนางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD กล่าวว่า สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ปีที่ผ่านมา สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น ปล่อยสินเชื่อได้เกินเป้าหมายที่ระดับ 5,000 ล้านบาท และปี 2565 นี้วางเป้าปล่อยสินใหม่กว่า 10,000 ล้านบาท พร้อมศึกษาและเตรียมเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตแบบก้าวกระโดด
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,779 วันที่ 1 - 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2565