ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,061.50 จุด เพิ่มขึ้น 84.29 จุด หรือ +0.26%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,155.38 จุด เพิ่มขึ้น 23.45 จุด หรือ +0.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,536.02 จุด เพิ่มขึ้น 201.38 จุด หรือ +1.63%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลงอย่างหนัก โดยดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 500 จุด หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3% รวมทั้งความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาด เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อ
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.43% โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ทะยานขึ้น 5.32% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 4.78% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.17%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 5.81% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.36% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 0.42% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 0.95%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ดีดขึ้น 0.95% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ บวก 1.61% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.29% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.81%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนมี.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.พ.
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองในเดือนเม.ย. โดยลดลงแตะ 55.4 จากระดับ 57.1 เมื่อเดือนมี.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 57.6 ในเดือนเม.ย.
ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 3-4 พ.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมครั้งนี้