ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,730.30 จุด ลดลง 103.81 จุด หรือ -0.33%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,930.08 จุด ลดลง 5.10 จุด หรือ -0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,370.96 จุด เพิ่มขึ้น 6.73 จุด หรือ +0.06%
ไรอัน เดทริค นักวิเคราะห์จากบริษัทแอลพีแอล ไฟแนนเชียลกล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 เคลื่อนไหวในแดนบวกและลบเกือบตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะปิดตลาดลดลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งขึ้นสูงกว่าคาด
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
หุ้น 5 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลงหนักสุด ทั้งนี้ หุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น ดิ่งลง 3.74% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ลดลง 0.89% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ร่วงลง 3.03%
หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.69% ปิดที่ระดับ 142.56 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทแอปเปิลลดลงมาอยู่ที่ 2.31 ล้านล้านดอลลาร์ และทำให้แอปเปิลเสียตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าตลาดอันดับหนึ่งของโลกให้กับซาอุดีอารามโค ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น 2.01% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 1.84% หุ้นโนวาแวกซ์ ทะยานขึ้น 11.79% หุ้นโมเดอร์นา พุ่ง 5.46% หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 2.73%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 4.77% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ดีดขึ้น 1.32% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 1.48%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 1.6% ในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 203,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ราย