ทองคำนิวยอร์กดีดพุ่ง 25.3 ดอลล์ นักลงทุนแห่ซื้อหลังหุ้นร่วงแรง

19 พ.ค. 2565 | 23:59 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ค. 2565 | 07:00 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (19 พ.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นและข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำอีกด้วย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 25.3 ดอลลาร์ หรือ 1.39% ปิดที่ 1,841.2 ดอลลาร์/ออนซ์
         

  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 36.4 เซนต์ หรือ 1.69% ปิดที่ 21.908 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 29.3 ดอลลาร์ หรือ 3.17% ปิดที่ 953.7 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 14.20 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 1978.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 1.05% แตะที่ 102.7240 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.837% เมื่อคืนนี้
         

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
         

นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงติดต่อกันสองวันทำการ อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของปัญหาเงินเฟ้อและการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
         

 

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2.4% สู่ระดับ 5.61 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาบ้านและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
 

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ราย