ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 32,637.19 จุด พุ่งขึ้น 516.91 จุด หรือ +1.61%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,057.84 จุด เพิ่มขึ้น 79.11 จุด หรือ +1.99% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,740.65 จุด พุ่งขึ้น 305.91 จุด หรือ +2.68%
บรรยากาศการซื้อขายใน ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีก โดยเมซีส์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 1.08 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.82 ดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับ 2.47 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนบริษัทดอลลาร์ เจเนอรัล เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 อยู่ที่ 2.41 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.32 ดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 10.5% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 10%
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของทั้งสองบริษัทช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นโลว์ส (Lowe's) พุ่งขึ้น 3.62% หุ้นทาร์เก็ต พุ่งขึ้น 4.33% หุ้นวอลมาร์ท ดีดขึ้น 2.13% หุ้นเมซีส์ ทะยานขึ้น 19.31% หุ้นดอลลาร์ เจเนอรัล พุ่งขึ้น 13.78%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.32% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.29% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส พุ่งขึ้น 4.24% หุ้นซูม วิดีโอ คอมมูนิเคชัน ทะยานขึ้น 4.55%
หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.16% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 1.36 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.29 ดอลลาร์ ส่วนรายได้อยู่ที่ 8.29 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 8.11 พันล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น ขานรับมุมมองที่ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะช่วยหนุนผลประกอบการของสถาบันการเงิน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน บวก 1.73% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.77% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.32% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.64% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 3.35%
หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 6.35% หลังจากนายอีลอน มัสก์แสดงความมุ่งมั่นที่จะซื้อกิจการทวิตเตอร์ จากก่อนหน้านี้ที่เขาประกาศพักการเจรจาข้อตกลงซื้อทวิตเตอร์ชั่วคราว โดยอ้างว่าต้องการตรวจสอบจำนวนบัญชีปลอมบนทวิตเตอร์
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมเดือนพ.ค.ของเฟดที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด โดยรายงานระบุว่า เฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.50% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. และอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี หากอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2565 โดยระบุว่า GDP หดตัว -1.5% จากเดิมที่รายงานว่าหดตัว -1.4% ในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวเพียง -1.3%
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 215,000 ราย
ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 3.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 99.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 และปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6