ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,180.14 จุด เพิ่มขึ้น 264.36 จุด หรือ +0.80%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,160.68 จุด เพิ่มขึ้น 39.25 จุด หรือ +0.95% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,175.23 จุด เพิ่มขึ้น 113.86 จุด หรือ +0.94%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 2.963% เมื่อคืนนี้ โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 3.1% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 สัปดาห์ ทั้งนี้ หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.91% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 4.57% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 4.55% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.9%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 1% โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.28% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส เพิ่มขึ้น 0.72% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 0.75%
หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 1.44% โดยราคาหุ้นฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์ อันเนื่องมาจากการที่นายอีลอน มัสก์ ขู่ว่าจะถอนตัวจากข้อตกลงซื้อกิจการทวิตเตอร์มูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หากทวิตเตอร์ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีสแปมและบัญชีปลอม
หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 1.76% หลังบริษัทเปิดตัวอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในงาน World Wide Developers Conference (WWDC22) ซึ่งประกอบด้วยชิป M2, MacBook Air, MacBook Pro 13 นิ้ว รวมถึงระบบปฏิบัติการล่าสุดอย่าง iOS 16, iPadOS 16, macOS Ventura และ watchOS 9
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง หลังจากทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐปรับลดคาดการณ์อัตรากำไรจากการดำเนินงานสู่ระดับ 2% ในไตรมาส 2/2565 จากเดิมคาดการณ์ว่าจะใกล้เคียงไตรมาสแรกที่ระดับ 5.3%
ทั้งนี้ หุ้นทาร์เก็ต ร่วงลง 2.44% หุ้นโลว์ส (Lowe's) ลดลง 0.64% หุ้นวอลมาร์ท ร่วงลง 1.27% หุ้นโฮมดีโปท์ ลดลง 0.67% หุ้นเบสท์ บาย ดิ่งลง 1.16%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทเนชันแนล ซิเคียวริตีส์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะเพิ่มขึ้น 8.2% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 8.3%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว รวมทั้งในการประชุมเดือนก.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ