นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีโอกาสปรับตัวลงลักษณะ Sideway Down จากแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ สูงกว่าที่ตลาดคาดจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.6%YoY สูงสุดในรอบ 40 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.3% และสูงกว่าระดับ 8.3% ในเดือนเม.ย. จึงคาดว่า จะเป็นตัวเร่งให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรง เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อีกทั้งประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เตือนว่า ทั่วโลกจะเผชิญกับวิกฤตอาหารขั้นรุนแรง ขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อมีโอกาสพุ่งขึ้นต่อจากปัจจุบัน และอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย จึงเกิดแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะเดียวกันมติ กนง.ที่ไม่เป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% สะท้อนว่ามีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของไทยในระยะข้างหน้า
ขณะที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอครม.จัดเก็บ "ภาษีขายหุ้น" หรือ Financial Transaction Tax เพื่อออกเป็นพระราชกฤษฎีกาประกาศบังคับใช้ต่อไปเป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทย จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีจะอยู่ในกรอบ 1,550-1,600 จุด แนะนำนักลงทุนระยะสั้นถือเงินสดรอดูผลการประชุมเฟด
ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง อาทิ
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการคาดการณ์ว่ากนง.มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยช่วงครึ่งหลังปี 2565 ทำให้หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ได้รับประโยชน์จากรายได้ดอกเบี้ยมีโอกาสเพิ่มขึ้น ได้แก่ KBANK, SCB, BBL, KTB และ TISCO
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็กกล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ยังต้องจับตาประกาศตัวเลขเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต ยอดค้าปลีกและการประชุม FOMC ที่คาดว่า จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% และปรับลดขนาดงบดุลเริ่มเดือนมิถุนายนนี้ที่ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์
“ตลาดยังรอมุมมองของเฟดเพิ่มเติมต่อแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะถัดไป หากเงินเฟ้อเร่งตัวระดับสูงอาจเป็นเหตุให้เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นจาก 0.5% เป็นเพิ่มขึ้น 0.75% เพื่อสกัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ”นายณัฐวุฒิกล่าว
ดังนั้นฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำถูกกดดันจากการประชุม FOMC เนื่องจากเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมของสหรัฐยังทรงตัวระดับสูงกว่า 8.6% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 40 ปีทำให้เฟดพิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะหนุนให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐและดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นได้และอาจกดดันราคาทองคำ มุมมองกรอบการซื้อขายบริเวณ 1,840-1,890 $/oz หากย่อตัวลงไม่หลุดแนวรับดังกล่าว ทยอยเข้าซื้อสะสม