ผู้ถือหุ้น SAWAD ไฟเขียวควบรวมกิจการ SCAP-BFIT

24 มิ.ย. 2565 | 08:22 น.
อัปเดตล่าสุด :24 มิ.ย. 2565 | 15:22 น.

ผู้ถือหุ้น SAWAD และ BFIT ลงมติอนุมัติการควบรวมกิจการของ บง.ศรีสวัสดิ์ (BFIT) ผ่านธุรกรรมซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดใน บ.ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล (SCAP) พร้อมคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุน พร้อมลุยธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเต็มตัว

 

นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ  SAWAD เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท และ บมจ. เงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) ได้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ BFIT นั้น ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติการคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนของ BFIT อนุมัติการเข้าทำธุรกรรมการซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดในบริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด (SCAP) และอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เพื่อชำระเป็นค่าตอบแทนสำหรับธุรกรรมการซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดใน SCAP ตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัท

 

ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ( SAWAD)

 

ทั้งนี้การคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุน สืบเนื่องมาจากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและข้อกำหนดในการดำเนินงานซึ่งทำให้กลุ่มบริษัทต้องชะลอการปล่อยสินเชื่อและมีความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อนโยบายการดำเนินธุรกิจในอนาคตของกลุ่มบริษัทที่อาจไม่คล่องตัว ดังนั้นเมื่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติเรื่องดังกล่าวแล้ว กลุ่มบริษัทจึงมีแผนงานในการประกอบธุรกิจใหม่ในด้านบริการสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อส่วนบุคคลแทนซึ่งมีความคล่องตัวในการดำเนินงานมากกว่า โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการตามแผนงานได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2565 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วย 


“หลังจากการอนุมัติของผู้ถือหุ้นในครั้งนี้แล้ว บริษัทเตรียมเดินหน้าเพื่อทำธุรกรรมการแลกหุ้น โดยจะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BFIT จำนวน 487 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 24 บาท ซึ่งเป็นการจัดสรรหุ้นให้แก่บุคคลในวงจำกัด หรือ Private Placement เพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับการจำหน่ายหุ้น SCAP ที่บริษัทถืออยู่จำนวน 39 ล้านหุ้นให้กับ BFIT แทนการชำระด้วยเงินสด รวมมูลค่ารายการเท่ากับ 11,700 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นมูลค่ายุติธรรมของทั้งสองกิจการ ทำให้ BFIT และบริษัทไม่มีภาระในการจัดหาเงินทุนเพื่อเข้าทำรายการ

 

โดยบริษัทยังคงได้ประโยชน์จากการถือหุ้นใน SCAP ตามสัดส่วนที่เหมาะสม ส่วนทางด้าน BFIT จะได้ประโยชน์จากฐานทุนที่มีการปล่อยสินเชื่อที่มีโอกาสเติบโตสูง โครงสร้างการถือหุ้นและธุรกิจของกลุ่มบริษัทจะเกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยลดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของกลุ่มบริษัทได้ในอนาคต ทำให้กลุ่มบริษัทเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น ” ธิดา กล่าว


ด้านนายวิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ BFIT ได้รับอนุญาตการคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย คู่สัญญาที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะดำเนินการทำธุรกรรมการซื้อหุ้นของ SCAP  และบริษัทมีแผนโอนกิจการทั้งหมดของ SCAP แบบ Entire Business Transfer (EBT) ให้กับ บมจ. เงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) รวมถึง BFIT จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน)

 

โดยมุ่งประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติและความมั่นคงทางการเงิน และธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อเต็มรูปแบบโดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่มุ่งเน้นลูกค้าที่ต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ด้วยรถจักรยานยนต์หลากหลายประเภทและยี่ห้อ มีระยะเวลาการให้สินเชื่อตั้งแต่ 12-60 งวด ผ่านดีลเลอร์ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจทั่วประเทศ

 

“จากแนวโน้มตลาดสินเชื่อในปีนี้ยังพบว่าสินเชื่อภาคครัวเรือนยังคงเติบโตขึ้นในทุกประเภท จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลยังมีโอกาสในการเติบโตอย่างมาก สำหรับบริษัทมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตตามเทรนด์เช่นกัน

 

ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ยังคงมีการเติบโตสูง จากความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพของลูกค้า ทำให้สินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง ซึ่งเราคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้  เพื่อให้บริษัทเข้าใกล้เป้าหมายหลักในการเป็นผู้ให้บริการสินเชื่ออันดับต้นๆของประเทศ ฉะนั้นการปรับโครงสร้างครั้งนี้ ผมเองมองว่า SCAP ในฐานะบริษัทลูกจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของ SAWAD ได้อย่างดี ” วิชิต กล่าวทิ้งท้าย