นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ตนในฐานะซีอีโอ และทีมงาน กำลังดำเนินการสุดความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่ได้หนีไปไหน เหมือนตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าไปอยู่ดูไบ โดยผมพร้อมรายงานความคืบหน้า สร้างความโปร่งใส และรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งเข้าใจว่าหลายคนอยู่ในภาวะตรึงเครียด ภายหลังจากออกมาแถลงข่าวในวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา และยังแคลงใจอยู่ ซึ่งผมและทีมงานไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการชี้แจงอย่างเป็นทางการออกมาเป็นระยะ
ต้องแจ้งให้ทราบว่าที่ผ่านมาเราได้ติดตามสถานการณ์ของ Babel และ Celsius มาตลอด แต่ในวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา สถานการณ์เริ่มแย่ลง เราจึงได้ดำเนินการชี้แจงไปยัง ก.ล.ต. แถลงข่าว ว่าเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น
สำหรับการดำเนินการล่าสุดในส่วนของ Babel ได้ติดต่อสำนักงานกฎหมายเพื่อเรียกร้องสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้ากลับมาให้เร็วสุด อย่างไรก็ตามผลการเจรจาเมื่อวันที่ 20 ก.ค. เป็นไปในเชิงลบ ซึ่งบริษัทก็จะร่วมกับ Zipmex Global เพื่อดำเนินการฟ้องร้องนำสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมา พร้อมทั้งหาสำนักงานกฎหมายในไทย เพื่อให้ผู้ได้รับความเสียหาย ฟ้องร้องร่วมแบบกลุ่มกับ Babel
ส่วนในรายของ Celsius นั้นบริษัทได้แจ้งล้มละลาย ซึ่งได้ผลเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นประมาณ 5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้กลับมาดูงบดุลของบริษัทสามารถรองรับความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามก็จะดำเนินการฟ้องร้อง จาก Celsius ต่อไป
ส่วนในฝั่ง ก.ล.ต. ที่ผ่านมามีความร่วมมือ และการชี้แจง รายงานให้ ก.ล.ต. ทราบมาตลอด ซึ่งล่าสุดก.ล.ต.ได้สั่งให้ซิปเม็กซ์ชี้แจงโดยละเอียด ให้ ก.ล.ต. ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ดำเนินชี้แจงรายละเอียดชัดเจนกลับไปยัง ก.ล.ต. ส่วนระบบการถอนเงินบาทและคริปโตนั้นก็กลับมาเปิดตามปกติ ส่วนของลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากผลิตภัณฑ์ ZipUp ก็พยายามนำสินทรัพย์กลับคืนให้กับลูกค้า
สุดท้ายคือเรื่องนักลงทุน ขณะนี้มีการพูดคุยกับหลายราย ซึ่งมีนักลงทุนหลายรายแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในซิปเม็กซ์ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการร่างเอกสารร่วมลงทุน ซึ่งบริษัทจะนำเม็ดเงินที่ได้จากการเข้ามาลงทุนเพื่อคืนให้กลับผู้ได้รับผลกระทบ