บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ขึ้นแท่นอันดับ 6 บลจ.ไทย

25 ก.ค. 2565 | 11:20 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ค. 2565 | 18:20 น.

บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ประกาศเกมรุก หลังควบรวมสำเร็จ ขึ้นแท่นครองส่วนแบ่งตลาด 7% AUM พุ่ง 3.42 แสนล้านบาท ติดอันดับ 6 บลจ.ที่ใหญ่ที่สุดในไทย ชู 3 เสาหลัก เดินหน้าสู่ตัวเลือกในการลงทุนอันดับต้นของคนไทย

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่า การควบรวมกิจการระหว่างบลจ. ทหารไทย จำกัด (TMBAM Eastspring) และบลจ.ธนชาต จำกัด (Thanachart Fund Eastspring) ถือเป็นการควบรวมบลจ.ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในตลาดการเงินและการลงทุนของไทย โดยสัดส่วนถือหุ้นล่าสุด (ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2565) ของ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย)คือ กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลถือหุ้น 59.5% และธนาคาร ทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต 40.5%

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด

ปัจจุบัน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ครองส่วนแบ่งทางการตลาดกองทุนรวม 7% มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการสุทธิ (Asset under management: AUM) อยู่ที่ 342,390 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2565) และติดอันดับ 6 บลจ.ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย การประกาศวิสัยทัศน์ภายใต้แบรนด์ใหม่ครั้งนี้ถือ เป็นการเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จและวางรากฐานของอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ในไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคง ตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะมืออาชีพด้านการลงทุน

อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ เป็นผู้จัดการสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลกของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล ที่เชี่ยวชาญในตลาดเอเชียและตลาดโลกมากว่า 28 ปี มีสำนักงานสาขาในตลาดเอเชีย 11 แห่ง และสำนักงานสนับสนุนการขายสินทรัพย์ในภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรป พร้อมด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนกว่า 300 ท่าน โดยมี AUM รวมคิดเป็นมูลค่ากว่า 258 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ (สิงคโปร์) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564) กระจายการลงทุนอยู่ในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ สินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ

 

ขณะที่ TMBAM Eastspring และ Thanachart Fund Eastspring นั้นเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่ดำเนินธุรกิจในไทยมาอย่างยาวนานเกือบ 30 ปี ทำให้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและมุมมองเชิงลึกในตลาดการลงทุนไทย พร้อมด้วยภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำในการนำเสนอนวัตกรรมที่ทันสมัยในการจัดการการลงทุนเสมอมา

 

“ด้วยจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัท ผสานกับความเชี่ยวชาญระดับสากลของ Eastspring Investments  ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านการลงทุน โดยเฉพาะกลยุทธ์การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign investment funds: FIFs) ซึ่งปัจจุบัน บลจ.อีสท์สปริง(ประเทศไทย) มี AUM ของ FIF รวมกว่า 106,950 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2565) รั้งอันดับ 3 ของบลจ.ในไทย (ที่มา: Morningstar)  มีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์เฉลี่ย 12.5% ต่อปี เทียบกับอุตสาหกรรมที่โตเฉลี่ยที่ 5.2% ต่อปีในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา”

 

นอกจากนั้น อีสท์สปริงยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ครอบคลุมและหลากหลาย ด้วยมูลค่า AUM กว่า 54,389 ล้านบาท และอัตราการเติบโตสูงถึง 18% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (เทียบกับอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ 10%) (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2565)

 

นายอดิศรกล่าวว่า วันนี้เราพร้อมแล้ว ภายใต้แบรนด์ใหม่อย่าง บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ผ่านกลยุทธ์สามเสาหลักที่จะเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจจากทีมงานคุณภาพของเรา เพื่อนำเสนอทางเลือกในการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ให้สอดคล้องกับเป้าหมายความมุ่งมั่นของแบรนด์ Eastspring Investments ที่จะดูแลการลงทุนเพื่ออนาคตของคุณหรือ Invested in Your Future”

 

อีสท์สปริง ชูกลยุทธ์ 3 เสาหลัก เพื่อเดินหน้าสู่ตัวเลือกในการลงทุนอันดับต้นของคนไทยในการขับเคลื่อนธุรกิจของ บลจ.อีสท์สปริง(ประเทศไทย) ให้เติบโตไปอีกขั้นในฐานะผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการลงทุนที่แข็งแกร่งเพื่อผู้ลงทุนชาวไทย ผ่านกลยุทธ์ 3 เสาหลัก ที่จะทำให้เข้าถึงความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม คือ

  1. Global Access with Asia Focus  ปัจจุบัน การลงทุนในต่างประเทศถือเป็นแนวโน้มการลงทุนสำคัญที่นักลงทุนชาวไทยไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป เพราะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดีและมีตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลายกว่า โดยเห็นได้จากข้อมูลของบลูมเบิร์กระหว่างปี 2558 – 2564 พบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนต่างประเทศสูงถึง 11.5% ต่อปี เทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นไทย ซึ่งอยู่ที่ 4.7% ต่อปี
  2. Investment Advisory & Market Insights  บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เชื่อว่า การจัดสรรพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายหรือ Asset Allocation เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีในระยะยาว เนื่องจากไม่มีสินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพตลาดและภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ยิ่งทำให้การกระจายการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ
  3. Holistic Health & Wealth ด้วยจุดแข็งสำคัญที่มีผู้ถือหุ้นหลักคือกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล (Prudential) ผู้ให้บริการทางการเงินระดับสากล บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เชื่อมั่นว่าการผสานกันระหว่างแนวคิดความมั่งคั่งที่มาพร้อมความมั่นคงจะต่อยอดความสำเร็จในโอกาสการลงทุนแก่ผู้ลงทุนได้ดียิ่งขึ้น ณ ปัจจุบัน ทางบริษัทมีประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-linked) ที่ครอบคลุมทุกสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนผ่านพรูเด็นเชียลทั้งหมด 16 กองทุน