'เอกลาภ' Zipmex แจง 5 ประเด็น 'คริปโต' ยันยังไม่ 'ล้มละลาย'

01 ส.ค. 2565 | 14:06 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ส.ค. 2565 | 21:11 น.

'เอกลาภ ยิ้มวิไล' นำทีม Zipmex แถลง แจง 5 ประเด็นร้อน ระงับฝากถอนเงินบาท-คริปโตฯ ยัน แค่ขอพักชำระหนี้ ไม่ใช่การล้มละลาย พร้อมเยียวยาผู้เสียหาย จ่อเปิดเทรด Z Wallet 5 เหรียญ ADA, SOL, XRP, BTC และ ETH ภายใน 2 สัปดาห์ ขณะชี้ ก.ล.ต. ทราบถึงผลิตภัณฑ์ Zipup+ ตั้งแต่ต้น

1 สิงหาคม 2565 - คงเป็นประเด็นร้อนแรงที่สุดในตลาดการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี่ หรือ สินทรัพย์ดิจิทัล ของกลุ่มนักลงทุนไทยตอนนี้ สำหรับกรณี 20 ก.ค. ที่ผ่านมา บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Zipmex Thailand แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีเบอร์ 2 ในไทย ประกาศระงับการฝาก ถอนเงินบาท และคริปโทเคอร์เรนซีในผลิตภัณฑ์ Zipup+ ที่ใช้งานใน Z Wallet จนสร้างความเสียหายกับลูกค้าไทยจำนวนมาก


ต่อมาปรากฎข่าว มีการยื่นขอพักชำระหนี้ (Moratorium) ของ Zipmex สิงคโปร์ ยิ่งสร้างความกังวลให้กับกลุ่มลูกค้าที่นำเงินไปลงทุนไว้ ท่ามกลางการรวมตัวเคลื่อนไหว กดดัน Zipmex อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย)
นำทีม Zipmex พร้อมกับทนายที่ปรึกษา จัดแถลงการณ์ต่อประเด็นดังกล่าวเพื่อชี้แจงให้แก่ตัวแทนลูกค้าและสื่อมวลชนถึงปัญหา ZipUp+ ใน 5 ประเด็นสำคัญด้วยกัน

\'เอกลาภ\' Zipmex แจง 5 ประเด็น  \'คริปโต\' ยันยังไม่ \'ล้มละลาย\'

Zipmex แจง พักชำระหนี้ในสิงคโปร์ กระทบใครบ้าง ?

ขณะยืนยันด้วยว่า จากข่าวที่ปรากฎ ไม่ใช่การยื่นล้มละลาย แต่เป็นการยื่นขอพักชำระหนี้ต่อศาลสิงคโปร์ และบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป ซึ่งคำสั่งของศาลสิงคโปร์ไม่ได้มีผลกระทบในประเทศไทย และเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องยังมีสิทธิเช่นเดิม แต่มีผลกระทบกับนักลงทุนไทยที่ลงทุนในผลิตภัณ์ ZipUp+ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของซิปเม็กซ์ สิงคโปร์ โดยมีนักลงทุนไทยที่เป็นลูกค้า ZipUp+ จำนวน 6-7 หมื่นราย มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท จากลูกค้าทั้งหมดทั่วโลกกว่า 1.3 แสนราย จะไม่สามารถได้รับเงินคืนในระหว่างการพักชำระหนี้จากศาลสิงคโปร์ 

 
หากได้รับการอนุมัติดังกล่าวหลังวันที่ 15 ส.ค. 2565 ซิปเม็กซ์ต้องดำเนินการตามแผนการที่ได้วางไว้ เช่น การหานักลงทุนเข้ามาเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เพื่อนำเงินลงทุนมาชำระหนี้ เป็นต้น 

Zipmex แจง 5 ประเด็น ถอนโอนเหรียญได้เมื่อไหร่

  • เปิดที่มาของปัญหา


นายเอกลาภ ระบุ ถึงปัญหาของ ซิปเม็กซ์ ว่า สืบเนื่องจากที่ทางบริษัท มีการ ‘ฝากเงิน’ ไว้กับบริษัท ที่เป็นคู่ค้าทางธุรกิจ ได้แก่บริษัท เซลเซียส เน็ตเวิร์ก (Celsius Network) ซึ่งเผชิญหน้ากับปัญหาสภาพคล่อง ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.2565 และประกาศล้มละลายในวันที่ 14 ก.ค. 2565 ทางบริษัท มีเงินฝากคงค้างอยู่กับ Celsius โดยประมาณ 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 180 ล้านบาท
 

ทำให้บริษัทรีบตรวจสอบ ‘เงินฝาก’ ที่ทางบริษัทได้มีการฝากไว้กับคู่ค้าทางธุรกิจอีกราย ได้แก่ บริษัท บาเบล ไฟแนนซ์ ซึ่งมีเงินฝากอยู่ราว 48 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.7 พันล้านบาท  ซึ่งในปัจจุบัน Babel Finance ยังคงดำเนินกิจการ และอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ
 

ในส่วนของคำถามที่เกิดขึ้นว่าเหตุใด ซิปเม็กซ์จึงมีการนำเงินไปฝากกับสองบริษัท ทางบริษัทมีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคู่ค้าทางธุรกิจทุกรายอย่างละเอียด ซึ่งบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีผลประกอบการที่ดีในช่วงเวลาก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจมหภาค และความผันผวนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ในส่วนของสินทรัพย์ที่ทางบริษัท นำไปฝากกับ Babel Finance นั้น มีมูลค่าน้อยกว่า 5% จากสินทรัพย์ทั้งหมดของ Babel Finance
 

  • กระบวนการยื่นขอพักชำระหนี้  ของ Zipmex สิงคโปร์


กรณีปรากฎข่าว ซิปเม็กซ์มีการยื่นล้มละลายต่อศาล ข้อความดังกล่าว เป็นการรายงานข่าวที่คลาดเคลื่อนไปจากความจริง ทุกบริษัทในเครือของซิปเม็กซ์ ไม่มีการขอยื่นล้มละลายต่อศาลแต่อย่างใด
 

นายเอกลาภ แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ Moratorium หรือที่เรียกว่า การยื่นขอพักชำระหนี้ ที่ทางกลุ่มบริษัท Zipmex ได้ยื่นขอพักชำระหนี้ ต่อศาลสิงคโปร์ ถือเป็นการปฏิบัติตามคำแนะนำของทนายความที่ปรึกษา เพื่อช่วยลดผลกระทบในระยะสั้น และให้บริษัท สามารถมีระยะเวลาในการจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นการอำนวยความสะดวกในการทำ Due Diligence ของการระดมทุน 
 

ทั้งนี้ การยื่นต่อศาลสิงคโปร์ในครั้งนี้ ไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัท ซิปเม็กซ์ ประเทศไทย หรือประเทศอื่นๆ แต่อย่างใด เพียงแต่ทางบริษัท มีการชี้แจงหรือประกาศในเวบไซต์ของบริษัท แต่เพียงเท่านั้น เพื่อสร้างความโปร่งใสต่อการดำเนินงาน โดยกระบวนการดังกล่าวจะทำให้ ‘เจ้าหนี้’ ที่เกี่ยวข้อง มีสิทธิยื่นคำแถลงการณ์ภายในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2565 โดย ซิปเม็กซ์ ประเทศสิงคโปร์ จะเป็นผู้นำส่งเอกสารต่อศาล ภายในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2565 และศาลประเทศสิงคโปร์ ได้มีการกำหนดนัดพิจารณาคำขอพักชำระหนี้ในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2565 นี้
 

  • การดำเนินการแก้ไขปัญหาของซิปเม็กซ์


สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาของซิปเม็กซ์ ถูกชี้แจงว่า ขณะนี้ กำลังประสานงานกับ  Bable Finance เพื่อให้ได้สินทรัพย์กลับมา และเร่งระดมทุนเพื่อนำเงินเข้ามาหมุนเวียนในบริษัท ขณะนี้ มีการหารือร่วมกับนักลงทุนหลายราย และได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง หรือ MOU ร่วมกับนักลงทุนที่มีความสนใจจริงๆ ทั้งหมด 2 ราย ตามที่ทางบริษัท ได้ออกแถลงการณ์ไปเบื้องต้น 
 

นอกจากนี้ ในส่วนของแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ ZMT ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการตาม Roadmap ให้มากที่สุด ตามที่บริษัทได้แจ้งกับลูกค้าทุกท่านไว้
 

  • แจง ก.ล.ต. รู้ก่อนแล้ว ว่ามีผลิตภัณฑ์ Zipup+


จากประเด็นบนสื่อโซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้นภายหลังจากการไลฟ์แถลงการณ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ทางบริษัท ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของสำนักงาน ก.ล.ต. และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ อย่างเคร่งครัด ผ่านหน่วยงาน Compliance ของบริษัท ทั้งในแง่ของการประสาน และการขอคำปรึกษาจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในด้านต่างๆ ตลอดจนการออกผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ ZipUp ในอดีต หรือ ZipUp+ ในปัจจุบัน 

นายเอกลาภ กล่าวว่า ซิปเม็กซ์ยืนยันความโปร่งใส และมีการพูดคุยกับ ก.ล.ต.มาโดยตลอด ซึ่ง ก.ล.ต. ทราบถึงผลิตภัณฑ์ Zipup+ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถทำได้ภายใต้ข้อกฎหมายในประเทศไทย แต่สามารถทำได้ในสิงคโปร์ โดยลูกค้าต้องยินยอมในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
 

  • ซิปเม็กซ์ ยัน จะเร่งนำเงินคืนลูกค้า


นายเอกลาภ ยังระบุทิ้งท้ายว่า ซิปเม็กซ์จะมีการทยอยเปิดให้บริการ Z Wallet โดยจะเป็นการเครดิตไปที่ Trade Wallet เริ่มจาก 5 เหรียญ ได้แก่ ADA, SOL, XRP, BTC และ ETH ภายใน 2 สัปดาห์นี้
 

"  11 วันที่ผ่านมา ทางบริษัทเร่งดำเนินการทุกอย่าง ทั้งการเปิดเทรด ให้มีการฝาก ปีข้างหน้าถอนได้ปกติและมีเหรียญให้เปิดเทรดมากกว่าปกติ มีการทำ MOU การจัดตั้ง Hotline รวมทั้งมีการ ไลฟ์ชี้แจง โพสต์เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงความโปร่งใส และเร่งดำเนินการเพื่อนำสินทรัพย์มาคืนลูกค้า "