โค้งท้ายปี 2566 ! มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี และกำลังหาตัวช่วยเพื่อประหยัดภาษี ต้องมี 2 ตัวช่วยนั่นก็คือ กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund ) หรือ SSF และ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund) หรือ RMF ซึ่งทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ไม่ได้แตกต่างกันนัก คือลงทุนได้ทั้ง หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ กองทุนทองคำ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ จะแตกต่างกันก็คือ
ข้อแตกต่างระหว่างกองทุนรวม SSF และ RMF
1.เงื่อนไขในการลดหย่อนภาษี SSF สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ไม่เกิน 200,000 บาท ส่วน RMF ลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาท แต่ทั้ง 2 กองทุนนี้ เมื่อรวมกับค่าลดหย่อนการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ แล้ว ( อาทิ กอช., กบข, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน, เบี้ยประกันบำนาญ ) จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
2. ระยะเวลาการลงทุนและเงื่อนไขการซื้อ คือ SSF จะต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี ส่วน RMF ต้องถือไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก ขายได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี หรือซื้อปีเว้นปี
SSF และ RMF เหมาะกับใคร ควรเลือกกองทุนแบบไหนดี
กองทุน SSF และ RMF เหมาะกับวัยทำงานที่มีเงินได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี แต่ต้องการประหยัดภาษี และอยากลดหย่อนภาษีด้วยการลงทุนโดยหวังผลตอบแทนในระยะยาว หรือต้องการเตรียมความพร้อมด้านการเงินก่อนเกษียณอายุจากการทำงาน
ส่วนการพิจารณาเลือกลงทุนกองทุน SSF หรือ RMF ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการลงทุน อายุของผู้ลงทุน รายได้และเงินเก็บ ดังนี้