นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีศาลภาษีอากรกลาง ตัดสินคดีกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ "ชินคอร์ป" จำนวน 17,000 ล้านบาท เป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ขณะนี้ได้รับทราบเรื่องแล้ว โดยกรมสรรพากรอยู่ระหว่างหารือกับอัยการสูงสุดถึงแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป รวมถึงเรื่องของการยื่นอุทธรณ์ด้วย ซึ่งก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ ดังนั้นยังต้องรอความชัดเจนก่อน
ส่วนความกังวลในประเด็นดังกล่าวเนื่องจากมีความเชื่อมโยงในเรื่องการเมืองด้วยนั้น นายอาคม ตอบเพียงว่า ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ
“รอให้ทางกรมสรรพากรหารือแนวทางกับอัยการฯ ก่อน เชื่อว่าถ้าเรียบร้อยแล้วอธิบดีกรมสรรพากรจะเข้ามารายงาน ดังนั้นต้องรอให้มีการหารือกันให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งการยื่นอุทธรณ์ก็มีกำหนดเวลา ก็ต้องไปเช็คดูว่าจะขยายเวลาได้หรือไม่ ก็คงต้องรอไปตามกระบวนการ” นายอาคม กล่าว
ด้านนางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมฯ ได้รับทราบคำตัดสินของศาลภาษีอากรกลางในคดีดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมาแล้ว โดยกรมฯ อยู่ระหว่างหารือกับอัยการสูงสุด ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ การอุทธรณ์การพิจารณาจะต้องดำเนินการภายใน 30 วันนับตั้งแต่ศาลมีคำตัดสิน และ สามารถขยายระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ไปได้อีก 30 วัน
“กรมฯ อยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานอัยการสูงสุด และ คดีนี้ ยังไม่สิ้นสุด เพราะยังมีขั้นตอนการพิจารณาโดยศาลฎีกาอีก อย่างไรก็ดี ทางกรมฯจะต้องหารือกันว่า จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนอย่างไร ส่วนจะยื่นอุทธรณ์ ได้ทันวันที่ 18 ส.ค.นี้หรือไม่นั้น ขณะนี้ ยังให้คำตอบไม่ได้ ต้องรอผลหารือกับสำนักงานอัยการสูงสุดก่อน”
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเป็นคดีที่กรมฯ ออกหมายเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อบุตรชายและบุตรสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) จำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท แต่ทั้งสองยังไม่ดำเนินการชำระภาษี กรมฯจึงได้ทำการอายัดทรัพย์ไว้ก่อน
โดยโฆษกกรมสรรพากรกล่าวอีกว่า ขณะนี้กรมฯอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า ที่ผ่านมาได้มีการอายัดทรัพย์ดังกล่าวมาจำนวนเท่าใด และ สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้หรือไม่ ทั้งนี้ หากศาลฏีกาพิจารณาตัดสินตามการพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทางกรมฯ ก็ต้องปฏิบัติตาม กล่าวคือ ต้องคืนทรัพย์ที่ได้ยึดมาทั้งหมด