นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 0.50 เป็นร้อยละ 0.75 ต่อปี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายในการดูแลเงินเฟ้อในประเทศนั้น
ในขณะที่ EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงต่อไปจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจส่งผลต่อสภาพคล่องของลูกค้าที่มีความเปราะบาง โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่มีรายได้น้อย มีความอ่อนไหวต่อค่าครองชีพ รวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในสาขาธุรกิจที่ฟื้นตัวช้า
อย่างไรก็ดี ธนาคารไทยพาณิชย์ จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในทันที แต่จะขอติดตามสัญญาณทางเศรษฐกิจและพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจอีกครั้งแบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมทั้งยืนยันที่จะดูแลลูกค้าของธนาคารภายใต้สถานการณ์ที่มีความผันผวนและเปราะบาง เพื่อให้ลูกค้ารายย่อยมีความสามารถในการจ่ายชำระหนี้ได้อย่างเหมาะสม และลูกค้าธุรกิจก็ยังให้มีสภาพคล่องที่ต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ
โดยธนาคารได้มีแนวทางให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านมาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืน สำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าเอสเอ็มอีที่มียอดขายน้อยกว่า 75 ล้านบาทต่อปีอยู่แล้ว ดังนี้
ทั้งนี้ ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าเอสเอ็มอีที่มียอดขายน้อยกว่า 75 ล้านบาทต่อปี สามารถสมัครเข้าร่วมมาตรการได้ทาง SCB Call Centre โทร 02 777 7777
สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีที่มียอดขายมากกว่า 75 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป ธนาคารมีมาตรการปรับลดอัตราผ่อนและขยายระยะเวลาผ่อนชำระ เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระทางด้านค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างดีที่สุด โดยลูกค้าเอสเอ็มอีที่มียอดขายมากกว่า 75 ล้านบาทต่อปี สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ หรือ SCB Business Center โทร. 02 722 2222 หรือสาขาธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วประเทศ และ https://scbsme.scb.co.th/
นายกฤษณ์ จันทโนทก กล่าวทิ้งท้ายว่า “จะเห็นได้ว่าจากภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา ไทยพาณิชย์ได้ยืนเคียงข้างช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่องจากมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ซึ่งทำให้ลูกค้าของธนาคารผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาด้วยกัน ธนาคารให้ความสำคัญกับลูกค้า หากลูกค้าก้าวไปได้ ก็จะทำให้ธนาคารสามารถก้าวต่อไปได้ด้วยเช่นกัน และจะเป็นการก้าวไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน”