ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,909.59 จุด ลดลง 154.02 จุด หรือ -0.47%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,128.73 จุด ลดลง 9.26 จุด หรือ -0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,381.30 จุด ลดลง 0.27 จุด หรือ -0.00%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 45.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 27 เดือน จากระดับ 47.7 ในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PMI อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะหดตัว เนื่องจากผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลง 12.6% สู่ระดับ 511,000 ยูนิตในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2559 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 575,000 ยูนิต จากระดับ 585,000 ยูนิตในเดือนมิ.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ยังคงอยู่เหนือระดับ 3% โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นอเมริกัน เรียลตี้ อินเวสเตอร์ส ดิ่งลง 2.24% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ร่วงลง 1.34% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ลดลง 1.05% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ร่วงลง 1.61% หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ดิ่งลง 2.39%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นเกือบ 4% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 3.24% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4.20% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.05% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 6.95%
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 25-27 ส.ค.นี้ ในหัวข้อ "Reassessing Constraints on the Economy and Policy" โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์ที่ 26 ส.ค.เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ คาดว่าในการประชุมแจ็กสัน โฮลปีนี้ เฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ของเฟด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ