นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าในปีงบประมาณ 2565 คาดว่าการก่อหนี้ตามมาตรา 28 ภายใต้ พรบ.วินัยการเงินการคลังแห่งรัฐ จะต่ำกว่าเพดานที่กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 35% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีอย่างแน่นอน
เนื่องจากหน่วยงานที่ขออนุมัติใช้เงินภายใต้ มาตรา 28 ยังมีเงินคงเหลือ และจะต้องส่งคืนคลัง ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังได้เร่งรัดไปยังหน่วยงานต่างๆ แล้ว ให้เร่งปิดและสรุปโครงการเพื่อนำเงินที่เหลือส่งคืนมายังคลังเร็วที่สุด
“คาดว่าปี 66 เนื่องจากแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น ทำให้การดำเนินมาตรการเข้าไปดูแลราคาสินค้าเกษตรเพื่อช่วยลดผลกระทบให้กับเกษตรกรอาจไม่ต้องสูงเท่ากับในปีงบประมาณ 2565 ก็จะทำให้การใช้จ่ายเงินตามมาตรา 28 ลดลงไปด้วย” ปลัด ก.คลัง กล่าว
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 66 รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณเพื่อชำระหนี้ตามมาตรา 28 ไว้ที่ 1.04 แสนล้านบาท โดยปัจจุบัน สัดส่วนหนี้ตามมาตรา 28 อยู่ที่ 34% ของงบประมาณรายจ่าย ขณะที่เพดานสูงสุดที่รัฐบาลจะสามารถก่อหนี้ได้ตามมาตรานี้ จะอยู่ที่ 35 % ของงบประมาณรายจ่าย
ซึ่งการใช้จ่ายเงินตามมาตรา 28 แห่ง พรบ.วินัยการเงินการคลังแห่งรัฐ ได้ระบุว่า เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสถาบันการเงินของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการ โดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น
โดยที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังแห่งรัฐ ได้กำหนดสัดส่วนเพดานก่อหนี้ตามมาตรา 28 ไว้ไม่เกิน 30% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี แต่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด รัฐบาลได้ขยายเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP จากไม่เกิน 60% เป็นไม่เกิน 70% รวมถึงขยายกรอบวงเงินตามมาตรา 28 เป็น 35% ด้วย