นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงเรื่อง ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ...และการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด ซึ่งเป็นข้อเสนอจากกระทรวงพลังงาน
ส่วนเหตุผลของการกู้เงิน เพราะกองทุนฯ มีสถานะติดลบค่อนข้างสูง อีกทั้งการที่กองทุนจะไปกู้กับธนาคารก็มีความเสี่ยงในเรื่องชำระหนี้ จึงขอให้กระทรวงการคลังเข้าไปค้ำ ส่วนผลกระทบต่อหนี้สาธารณะจะมากน้อย ก็ขึ้นกับที่มีกองทุนฯจะกู้เงินไปใช้เท่าไหร่
“การกู้จะต้องดูเรื่องการบริหารกองทุนฯด้วย ไม่ว่าจะลดรายจ่ายจากการอุดหนุน และการบริหารหารายได้รวมทั้ง ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมัน ส่วน พ.ร.ก.ค้ำประกันวงเงิน 1.5 แสนล้านบาทนั้น กองทุนนนั้นไม่จำเป็นต้องกู้ออกมาใช้ทั้งหมดในที่เดียว” นายอาคม กล่าว
นายอาคม กล่าวอีกว่า ตามหลักการ ไม่ว่ากระทรวงการคลังจะเข้าไปค้ำหรือไม่ เงินที่กองทุนฯกู้ไปก็นับเป็นหนี้สาธารณะอยู่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ ครม.เคยอนุมัตเงินกู้ไว้ให้แล้ว 3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้การกระทบกับหนี้สาธารณะ น่าจะกระทบในเวลาใดเวลาหนึ่ง แต่กระทรวงการคลังก็มีเงื่อนไขว่ากองทุนฯ ต้องจัดการชำระเงินกู้นี้ภายใน 7 ปี และขอย้ำกับกระทรวงพลังงานว่า ขอให้การกู้เงินเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะการกู้เงินแต่ละครั้งจะมีต้นทุน และเสียค่าดอกเบี้ย
นายอาคม ยืนยันว่า การที่กองทุนฯกู้เงินนั้น จะไม่เป็นภาระของงบประมาณรัฐบาล เพราะกองทุนจะเป็นผู้บริหารและจัดหาเงินมาชำระหนี้คืน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องงบประมาณใดๆทั้งสิ้น