หลังจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BBL แจ้งเมื่อวันที่ 14 ก.ย.65 ระบุได้ผ่อนผันมูลหนี้คงค้าง 13,350 ล้านบาท ให้กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จาก MLR มาเป็นอัตราใหม่ "MLR ลบ 0.50%"ต่อปี ตลอดระยะเวลาของสัญญาสินเชื่อ พร้อมขยายระยะเวลาชำระหนี้ไปสิ้นสุดปี 2575 จากเดิมที่สิ้นสุดปี 2573 เนื่องจากการเปลี่ยนผู้สนับสนุนหลักมาเป็น AWN (บริษัทลูกของ ADVANC )ซึ่งมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง ส่งผลให้ความเสี่ยงทางธุรกิจของกองทุนรวม ฯลดลง
อ่านเพิ่มเติม : "บัวหลวง" ไฟเขียวผ่อนผันหนี้ 1.3 หมื่นล้านให้ JASIF ลดดอกเบี้ย-ยืดหนี้
ผู้สื่อข่าวรายงาน การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น JASIF เมื่อเวลา 12:27 น. อยู่ระดับ 8.00บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ +1.91% ในขณะที่ราคาปรับสูงสุดอยู่ที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือดีดตัวถึง 3.18% และต่ำสุดที่ระดับ 7.95 บาท มูลค่าการซื้อขายราว 153 ล้านบาท
เรื่องนี้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า มีมุมมอง "บวก" ต่อกองทุน JASIF จากกรณี ธนาคารกรุงเทพ ยอมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็น MLR-0.5% จากหนี้เงินต้นคงเหลือ 13,350 ล้านบาท ทำให้ภาระหนี้ของกองทุน JASIF จะมีต้นทุนการเงินลดลงเหลือราว 4.75% จากต้นทุนการเงินเฉลี่ยที่ 5.25% ในเบื้องต้นคาดว่ากองทุนฯจะมีค่าใช้จ่ายการเงินลดลงต่อปีราว 2%
ส่วนเงื่อนไขที่กำหนดให้ TTTB ต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า จะทำให้กองทุนฯ มีสภาพคลองเพิ่มเติมและสามารถจ่ายเงินปันผลอีก 0.125 บาท/หน่วย จากเงื่อนไขเดิมของ ADVANC ซึ่งคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลต่อปี 0.60 บาท/หน่วย รวมเป็นเงินปันผล 0.725 บาท/หน่วย ในปี 2566-2568 หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 9%
ขณะที่ความยินยอมของธนาคารกรุงเทพในการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้กองทุน น่าจะช่วยลดความเสี่ยงมติอนุมัติไม่ผ่านเกณฑ์ 75% ของผู้ร่วมประชุม (หักเสียง JAS)
อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยฯ ยังมองว่านักลงทุนที่มี JASIF สามารถถือเพื่อรับเงินปันผลได้ โดยคาดว่าปี 2565 กองทุน JASIF จะจ่ายเงินปันผลในอัตราหน่วยละ 0.94 บาท หรือ yield 12% สำหรับความเห็นต่อดีลฯ ADVANC ให้น้ำหนัก 60% สำหรับธุรกรรมนี้จะได้อนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหน่วย JASIF และจะมีการทบทวนประมาณการของกองทุนฯ ใหม่หลังมีความชัดเจนเรื่องการแก้ไขสัญญาของกองทุนฯ
บทวิเคราะห์บล.เอเชีย พลัส ระบุว่าข้อเสนอใหม่ของ ADVANC น่าจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF ได้มากขึ้นจากการที่ JASIF จะได้รับกระแสเงินสดเข้ามาในมือกว่า 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.125 บาทต่อหุ้น จากการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าของ ADVANC ซึ่งเมื่อรวมกับประมาณการณ์เงินปันผลปี 2566 จะอยู่ที่ 0.77 บาทต่อหุ้น
ยิ่งไปกว่านั้นหากรวมเงินปันผลที่จะได้จากการประหยัดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในจำนวน 0125 บาทต่อหุ้น ก็จะส่งผลให้เงินปันผลของกองทุน JASIF เพิ่มขึ้นไปอีก โดยมีอัตราผลตอบแทนที่ใกล้เคียง 10%