การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เมื่อ 21- 22 ก.ย.65 มีมติปรับอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามตลาดคาด ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ ปรับขึ้นจาก 2.25-2.50% เป็น 3.00-3.25% นอกจากนี้ Fed ยังได้ส่งสัญญาณว่าในปลายปี 2565 จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 4.50% (ตัวเลข Dot-Plot) ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่ 3.4% ในเดือน มิ.ย.65
นอกจากนี้ความเห็นของนักวิเคราะห์ เมื่อดูจาก Fed Watch Tool จะเห็นได้ว่า มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย.65 และ ธ.ค.65 ครั้งละ 0.75% และ 0.50% ตามลำดับ ทำให้ดอกเบี้ยปลายปีของเฟดจะอยู่ที่ 4.50%
บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส ( ASP) ระบุว่า การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ยังกดดันให้ส่วนต่างดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐกว้างขึ้น โดยล่าสุดดอกเบี้ยไทยต่ำกว่าสหรัฐ -2.5% (ดอกเบี้ยไทย 0.75% สหรัฐ 3.25%) และจาก Dot Plot ปลายปีดอกเบี้ยสหรัฐมีโอกาสขึ้นมาอยู่ที่ 4.5% และภายใต้ถ้ากนง.ขึ้นดอกเบี้ยปลายปีอยู่ที่ (1.25% - 1.5%) กดดันให้ส่วนต่างดอกเบี้ยไทยและสหรัฐกว้างขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าขึ้นได้เช่นกัน ล่าสุดทะลุ 37 บาท/เหรียญ (อ่อนค่าสุดในรอบ16 ปี)
ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นและบาทอ่อน ได้แก่เป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ประกันชีวิต และกลุ่มส่งออก ส่วนหุ้นที่ได้เสียประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น อาทิ กลุ่มไฟแนนซ์ จากสัญญาเงินกู้ที่เป็นส่วนใหญ่เป็นการกำหนดดอกเบี้ยเงินกู้"คงที่" จึงมีภาระต้นทุนจากดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น , กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อ รวมถึงบริษัทที่ภาระหนี้สินสูง
หุ้นแนะนำจาก 4 โบรกฯ มีตัวไหนบ้าง เช็คเลย !
ASP เสริฟ 7 หุ้นเด่น
บล.ทิสโก้ (TISCO ) คัดหุ้นเด่น
บล.ดาโอ ( DAOL) วิเคราะห์หุ้นที่จะได้ประโยชน์
ส่วนหุ้นที่เสียประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ได้แก่
เช่นเดียวกับ บล.กรุงศรี แนะหุ้นได้อานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น : KBANK , BBL SCB, KTB, TTB, BLA, TLI