กสิกรไทยชี้ตลาดลุ้นเฟดอาจต้องลดดอกเบี้ยลง พร้อมปรับเป้าหมายเงินบาทต่ำลงเป็น 35.25สิ้นปี2565 ก่อนทยอยลดสู่ระดับ 33.50-34.00ดอลลาร์ในปี2566 -ประเมินกนง. น่าจะปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.25%ในสัปดาห์หน้าและดอกเบี้ยนโยบายแตะ 1.75%ในปี2566
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจมุมมองนักเศรษฐกิจต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกภายใน 1ปีข้างหน้า พบว่าโอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะสู่ภาวะถดถอย (Recession) เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 46-47% สำหรับประเทศที่มีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจ 3เดือนก่อนได้แก่ รัสเซีย 90% อังกฤษ 90%จาก60% ยูโรโซน 80% จาก55% สหรัฐอเมริกา 63% จาก 50% และเศรษฐกิจไทยมีโอกาส 15%จาก 10%
สำหรับเศรษฐกิจไทยมีโอกาสน้อยที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้น ได้รับอานิสงส์จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะกลับเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 9.75 ล้านคน เป็น 13-20 ล้านคน ถือเป็นจุดที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว จากการใช้จ่าย หรือการบริโภคของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
“คาดว่าหากจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านคน จะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดพลิกกลับมาเป็นบวกได้เล็กน้อยหรือติดลบราว 3,500ล้านดอลลาร์ในปี 2566 ซึ่งจะช่วยหนุนเงินบาทให้แข็งค่าได้ จากสิ้นปี2565ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 1.7หมื่นล้านดอลลาร์”
อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินมีความเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาได้ผ่านจุดสูงสุดไปล้วซึ่งน่าจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ทำนโยบายการเงินโดยขึ้นดอกเบี้ยช้าลง และมีลุ้นว่าเฟดอาจจะต้องปรับดอกเบี้ยลงภายในปีหน้า ซึ่งจากคาดการณ์ดังกล่าวทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง ทางธนาคารกสิกรไทยจึงปรับเป้าหมายเงินบาทต่อดอลลาร์ให้ต่ำลงจาก 37.50เป็น 35.25บาทต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้และประเมินแนวโน้มบาทต่อดอลลาร์จะค่อยๆปรับลงเป็น 33.50-34.00บาท/ดอลลาร์
นายกอบสิทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดหมดรอบแล้ว ตลาดคงจะมาใส่ใจปัจจัยของไทยมากขึ้น โดยเฉพาะภาวะการท่องเที่ยวที่ปรับทิศทางที่ดีขึ้นและดุลบัญชีเดินสะพัด โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)น่าจะปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.25%ในสัปดาห์หน้าและคงจะปรับดอกเบี้ยนโยบายไปถึง 1.75%ต่อปีสำหรับปี2566