ธปท.อนุมัติสินเชื่อฟื้นฟูและสินเชื่อเพื่อการปรับตัว 2.12แสนล้านบาท จำนวน 59,891 รายวงเงินเฉลี่ยต่อราย 3.5ล้านบาท เผยคณะกรรมการเจ้าหนี้อยู่ระหว่างพิจารณาแรงจูงใจ หวังดึงสถาบันการเงินเจ้าหนี้ร่วมโครงการเพิ่มพร้อมปรับคุณสมบัติลูกหนี้
นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)หรือแบงก์ชาติเปิดเผยถึงความคืบหน้า (ณ วันที่ 13 ก.พ.2566) “สินเชื่อฟื้นฟูและสินเชื่อเพื่อการปรับตัว” โดยระบุว่า สินเชื่อที่ได้รับอนุมัติแล้ว 212,362ล้านบาท จำนวน 59,891รายเฉลี่ยวงเงิน 3.5ล้านบาทต่อราย โดยการอนุมัติสินเชื่อมีการกระจายตัวดี ทั้งขนาด ประเภทธุรกิจและภูมิภาค
สำหรับสินเชื่อเดิม ผู้ได้รับอนุมัติ ประกอบด้วย SME (วงเงินสินเชื่อเดิม 5-50ล้านบาท) ได้รับอนุมัติ 87,248ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 41.1% จำนวนราย 22,428รายคิดเป็นสัดส่วน 37.4% รองลงมาเป็นสินเชื่อธุรกิจ (วงเงินสินเชื่อเดิม >50-500 ล้านบาท) ได้รับอนุมัติ60,625ล้านบาทสัดส่วน 28.5%จำนวน 3,764รายสัดส่วน 6.3% ส่วนMicro ( วงเงินสินเชื่อเดิม ไม่เกิน 5 ล้านบาท) ได้รับอนุมัติ 27,845ล้านบาทสัดส่วน13.1% จำนวน 22,099รายสัดส่วน 36.9% และลูกหนี้ใหม่ได้รับอนุมัติ 36,642ล้านบาท สัดส่วน 17.3% จำนวน 11,600รายสัดส่วน 19.4%
เมื่อพิจารณาสินเชื่อฟื้นฟูที่อนุมัติแล้ว แยกตามประเภทของธุรกิจพบว่า ธุรกิจการพาณิชย์จำนวนเงิน 102,628ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 48.3% มีผู้ประกอบการได้รับอนุมัติ 31,923รายสัดส่วน 53.3% รองลงมาอุตสาหกรรมการผลิต วงเงิน 46,728ล้านบาท สัดส่วน 22.00% จำนวน 9,252รายสัดส่วน 15.1% ภาคก่อสร้าง วงเงิน 20,039ล้านบาทสัดส่วน 9.4% จำนวน 5,673รายสัดส่วน 9.5% ภาคการบริการ ได้รับอนุมัติวงเงิน 24,270ล้านบาทสัดส่วน 11.4%จำนวนราย 8,768รายสัดส่วน 14.6%
การสาธารณูปโภควงเงิน 8,221ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 3.9%จำนวน 2,083รายสัดส่วน 3.5% ธุรกิจเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ 5,158ล้านบาทจำนวน 906ราย ส่วนเกษตรและการป่าไม้ 4,109ล้านบาท จำนวน 1,032ราย การเหมืองแร่และย่อยหิน 950ล้านบาท จำนวน 165ราย และอื่น 21ล้านบาท จำนวน 14ราย
นางสาวสุวรรณีกล่าวว่า ในส่วนของสินเชื่อเพื่อการปรับตัวนั้น เบื้องต้นยังมีคำขอสินเชื่อเข้ามาเป็นตัวเลขหลังพันล้านบาท ซึ่งธปท.พยายามสื่อสารให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอสินเชื่อเพื่อการปรับตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันคืบหน้ามีธนาคาร 9แห่งปล่อยสินเชื่แล้วจากที่เสนอแผนเข้ามา 16ธนาคาร ซึ่งเป็นการยื่นคำขอรับสินเชื่อทั้ง 3ด้าน(ดิจิทัล ,อินโนเวชั่นและสินเชื่อสีเขียว) ส่วนใหญ่ เป็นคำขอสินเชื่อสีเขียว เพื่อพลังงานทดแทนส่วนใหญ่เป็นการติดตั้ง โซลาเซล ที่เหลือ ด้านการปรับตัวรองรับดิจิทัลวัตถุประสงค์เพื่อทำระบบหลังบ้าน ด้านอินโนเวชั่นเพื่อทำสมาร์ทฟาร์มมิ่ง/เลี้ยงสัตว์ระบบปิด
“ ยอดอนุมัติสินเชื่อโครงการพักทรัพย์พักหนี้นั้นถือว่าเกินกว่าเป้าที่ตั้งหว้ 4-5หมื่นล้านบาทและยังมีดีลที่อยู่ระหว่างเจรจาอีกคาดว่าน่าจะตกลงกันได้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 9 เม.ย.2566ซึ่งครบกำหนดหมดอายุ ส่วนสินเชื่อฟื้นฟูอยู่ระหว่างพิจารณาเพราะสามารถขยายระยะเวลาได้อีก 1ปีแต่ในหลักการธปท.ยังคงจะผลักดันให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะมีบางมาตรการครบกำหนด เช่นเดียวกับ คลีนิกแก้หนี้ที่คณะกรรมการเจ้าหนี้กำลังพิจารราคุณสมบัติและผู้ที่เป็นหนี้เสียก่อนวันที่ 1ก.พ.2566”