นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า
ปีนี้ธนาคารไทยพาณิชย์วางแผนการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ประมาณ 2-3% ไม่ได้เติบโตมากนัก
เพราะต้องมีความรัดกุมและระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อและพิจารณาโครงการที่มีความเหมาะสม
ที่ผ่านมาสิ้นปี2565 สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 3.5% จากปีก่อน และ 1.0% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพชั้นนำ โดยสิ้นปีพอร์ตคงค้างสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่มีจำนวน 857,260 ล้านบาทจากสิ้นปี2564อยู่ที่ 828,200ล้านบาท
สำหรับเซ็กเตอร์ที่กลับมาฟื้นตัวและได้รับอานิสงค์จากการเปิดประเทศหนีไม่พ้นกลุ่มธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยว ร้านค้าและธุรกิจอาหาร หลังจากซบเซาค่อนข้างมากในช่วงโควิด-19
แต่ถ้ามองในแง่ของขนาดสินเชื่อจะมาจากโครงการภาครัฐ ที่มีการทยอยลงทุนและเปิดโครงการเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากที่ธนาคารได้มีการลงนามร่วมปล่อยสินเชื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูแล้ว ในอนาคตหากมีโครงการรถไฟฟ้าสายอื่นที่จะเกิดขึ้น หรือโครงการขนาดใหญ่ไทยพาณิชย์พร้อมจะเป็นหนึ่งในธนาคารที่ให้การสนับสนุนอยู่แล้ว
“ เป้าเติบโตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่ประมาณ 2-3%รวมสินเชื่อESGอีก 1แสนล้านบาท ส่วนดีลที่เคยรอจังหวะ โอกาส ด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานค่อยๆทยอยกลับมา ฉะนั้นดีลที่มีการขอสินเชื่อหลักหมื่นล้านบาทปีนี้ยังมีอีก 3-6ดีลที่กำลังรอการอนุมัติ”
นายกฤษณ์กล่าวถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ว่า อาจจะมีบางรายที่อาจจะมีปัญหาเชิงโครงสร้างและส่งผลต่อความเสี่ยงในปีนี้
ถ้าเป็นพอร์ตสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ของไทยพาณิชย์ดูแล้วไม่น่ากังวลมาก แต่ความกังวลจะไปอยู่กับลูกค้าเอสเอ็มอีบางกลุ่มมากกว่า และลูกค้ารายย่อยที่เป็นกลุ่มเปราะบาง
ไทยพาณิชย์พร้อมให้การสนับสนุนนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในการที่จะผ่อนมาตรการให้ความช่วยเหลือทั้งการพักชำระหนี้ หรือพักชำระดอกเบี้ย
ที่ผ่านมาธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือตามมาตรการฟ้าส้มไปจำนวนมาก และในกลุ่มนี้ธนาคารยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิดและพยายามจะไม่ส่งผ่านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเต็มที่ เพราะไม่ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบางมีความเสี่ยง