(4 ก.ย. 66) ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง กลุ่มผู้เสียหายจากการลงทุนในหุ้นกู้ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชันจำกัด (มหาชน) หรือ "STARK" ได้มีการนัดรวมตัวกัน เพื่อรับฟังการไต่สวนคำร้องการดำเนินคดีแบบกลุ่มกับ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้บริหารและกรรมการ ของ "STARK" กับพวกอีก 5 คน
โดยกลุ่มผู้เสียหายได้ร้องต่อศาลแพ่ง กรุงเทพใต้ เพื่อเอาผิดต่อกรรมการและผู้บริหารบริษัทดังกล่าวให้ชดใช้ค่าเสียหายรวมกว่า 9,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทนายจำเลยทั้ง 5 ขอขยายเวลายื่นคำคัดค้าน และโจทก์ทั้ง 3 ไม่ค้าน กรณีมีเหตุสมควรอนุญาตให้ทนายความจำเลยทั้ง 5 ยื่นคำคัดค้านได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันนี้
กรณีย่อมเป็นเหตุไม่สามารถทำการไต่สวนพยานโจทก์ทั้ง 3 และจำเลยทั้ง 5 ต่อไปในวันนี้ได้ ให้ เลื่อนไปนัดไต่สวนคำร้องนี้ใหม่ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา 9.00น. ตามที่มีวันว่างตรงกัน
อนึ่ง ตามที่ผู้ร้องทั้งหกยื่นคำร้องสอดเข้ามาในคดี ตามคำร้องลงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ศาลได้สอบถามผู้ร้องทั้ง 6 ร่วมกับทนายโจทก์ทั้ง 3 แล้ว
เห็นว่าแนวทางในการดำเนินคดีของทั้ง 2 กลุ่ม ยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้ง 2 ฝ่ายขอปรึกษาหารือกันก่อนถึงวันนัดไต่สวนคำร้องในนัดหน้า ซึ่งจะได้ แถลงต่อศาลให้ทราบต่อไป จึงให้รอไว้สั่งคำร้องของผู้ร้องทั้ง 6 ในวันนัดหน้า
อย่างไรก็ตามสืบเนื่องจากทนายความจำเลยที่ 3 ขอเลื่อนการไต่สวน โดยให้เหตุผลว่า เพิ่งได้รับคำร้อง จึงจอขยายระยะเวลายื่นคำคัดค้าน และทนายความจำเลยที่ 5 ได้ให้ตัวแทนมายื่นหนังสือต่อศาลขอให้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องออกไป เนื่องจากไม่สะดวกเดินทางมาร่วมไต่สวนที่ศาลในวันนี้ได้ เหตุติดว่าความคดีที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร จึงให้เลื่อนการไต่สวนออกไป
ด้านนายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความของผู้เสียหายในคดีหุ้น STARK ระบุว่า การฟ้องร้องคดีแบบกลุ่มจะแตกต่างจากคดีสามัญทั่วไป โดยศาลจะพิจารณาว่าจะรับการฟ้องร้องเป็นกลุ่มก่อน แล้วจึงจะพิจารณาว่าจะรับฟ้องแพ่งหรือไม่ต่อไป
โดยทีมกฎหมายได้ยื่นคำร้องฟ้องแพ่งไปพร้อมกับคำร้องที่ขอให้ศาลรับฟ้องเป็นคดีแบบกลุ่ม ซึ่งจะครอบคลุมถึงผู้เสียหายทั้งหมดกว่า 4,000 คนรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 9,000 ล้านบาท
ส่วนการที่มีผู้เสียหายมาแทรกร่วมฟ้อง ก็ยินดีที่จะแบ่งปันข้อมูลกัน เพื่อร่วมกันฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย แต่อยากให้คำนึงหลักการสำคัญของการสู้คดีนี้ว่า จะต้องร่วมมือกัน อย่าไปเพิ่มขั้นตอนที่อาจส่งผลให้การสู้คดีมีความล่าช้า
เพราะผู้เสียหายทุกคนต่างก็เดือดร้อน ซึ่งเห็นด้วยกับศาลว่าหากผู้ที่มาแทรกร่วมฟ้อง ไม่มั่นใจทีมทนายความชุดนี้ ก็สามารถแยกไปฟ้องเองได้ ซึ่งเป็นสิทธิ์ตามกฏหมายอยู่แล้ว
ขณะที่ด้านนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้สอนวิชากฎหมาย ณ มหาวิทยาลัยลอนดอน SOAS และเป็นที่ปรึกษากฎหมายธุรกิจ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายที่ถือหุ้นกู้ STARK เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า กรณีที่ศาลนัดเลื่อนการไต่สวน มาจากทนายความของจำเลยที่ 3 และที่ 5 ขอขยายเวลายื่นคำคัดค้าน และโจทก์ทั้ง 3 ไม่ค้าน ทำให้ศาลพิจารณาเลื่อนการไต่สวนในครั้งนี้ออกไป
ส่วนเรื่องคดีการฟ้องร้องแบบกลุ่มที่ยังตกลงไม่ได้ ยืนยันว่าทางกลุ่มตนยินดีที่จะร่วมฟ้อง แบบกลุ่มกับทาง นายจิณณะ โดยยินดีที่จะทำงานร่วมกัน
พร้อมมองว่าการแยกกันฟ้องอาจทำให้คดีมีความล่าช้า รวมทั้งผู้เสียหายบางคนอาจตกหล่น จึงอยากใช้ระยะเวลาที่ศาลนัดเลื่อนการไต่สวน เพื่อหารือวางแนวทางในการหาทางออกร่วมกันของกลุ่มผู้เสียหาย