ถอดรหัสงบการเงินไตรมาส 3 JKN เห็นแล้วหนาว

27 พ.ย. 2566 | 08:05 น.
อัปเดตล่าสุด :28 พ.ย. 2566 | 08:03 น.

JKN ส่งงบการเงิน 9 เดือนปี 2566 ตลาดหลักทรัพย์ฯสั่งให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเมื่อผู้จัดทำบัญชีไม่ให้ข้อสรุป ซึ่งมีตัวเลขที่จะเป็นนัยสำคัญต่อการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางในการร้องยื่นฟื้นฟูกิจการ และมีผลต่อเจ้าหนี้ว่าจะได้เงินคืนหรือต้องรอไปอีกนาน

งบไตรมาส 3/66  JKN เห็นแล้วหนาว 

หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) สั่งการให้ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ชี้แจงรายละเอียดงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2566 ที่ผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุป โดยกล่าวถึงมูลค่าสินทรัพย์ด้อยค่าที่ต้องมีการประเมินมูลค่าใหม่ซึ่งในที่นี้ หมายถึงค่าลิขสิทธิ์เนื้อหาต่างๆที่ JKN เป็นเจ้าของอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงลิขสิทธิ์ Miss Universe เพราะเมื่อเทียบกับสัดส่วนของผู้ถือหุ้นแล้ว จะส่งผลถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญต่อความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่อง กระทบต่อมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สิน 3 ประการ

1.การประเมินการด้อยค่าสินทรัพย์เงินลงทุนในบริษัทย่อย เครื่องหมายการค้าลิขสิทธิ์รายการและค่าความนิยม รวม 10,789 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างดำเนินการประเมินซึ่งอาจมีผลกระทบต่อมูลค่าสินทรัพย์ ขณะที่บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น 4,813 ล้านบาท

2.การขาดสภาพคล่องทางการเงิน

3.การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ส่งผลให้ถือเป็นเหตุผิดนัดหนี้อื่นๆ รวม 4,558 ล้านบาท โดยบริษัทยังไม่ตั้งประมาณการความเสียหายและดอกเบี้ยผิดนัดชำระ

โดยตลาดหลักทรัพย์ฯให้ JKN ชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 และยังย้ำขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงิน JKN และติดตามคำชี้แจงของบริษัท

ถอดรหัสงบการเงินไตรมาส 3 JKN เห็นแล้วหนาว
 

ถอดรหัสงบการเงิน JKN

ในหนังสือของตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดเพิ่มเติมว่ามีงบการเงินตัวไหนบ้างที่ต้องชี้แจง จะพบความผิดปกติและต้องตั้งคำถามถึงการบริหารงาน ที่ต้องรอให้ “แอน” จักรพงษ์ ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดมาตอบคำถามนี้  

3 ประการที่ทางตลาดหลักทรัพย์ ฯ ตั้งประเด็นไว้ 3 ข้อ มีความน่าสนใจเพราะ JKN อยู่ในกระบวนการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ โดยศาลล้มละลายกลางจะมีการไต่สวนนัดแรกในวันที่ 29 มกราคม 2567 เป็นที่ทราบกันดีว่าในระหว่างนี้ เจ้าหนี้จะฟ้องร้องเอาผิดหรือเรียกค่าเสียหายจาก JKN ไม่ได้ เพราะอยู่ในขั้นตอน “สภาวะพักชำระหนี้” (Automatic Stay) คือ เมื่อศาลรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการแล้ว ลูกหนี้จะได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 90/12 พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 ทันที 


เป็นเหตุผลที่มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าการยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ทำถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ และมีเจตนาอย่างไรในการดำเนินการยื่นฟื้นฟูกิจการครั้งนี้ เพราะการประเมินสัดส่วนทรัพย์สินต่อหนี้สินจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าบริษัท JKN โกลบอล กรุ๊ป มีหนี้สินล้นพ้นตัวจนไม่สามารถชำระหนี้ได้และธุรกิจยังมีศักยภาพในการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งจะอยู่ในเงื่อนไขที่ศาลล้มละลายกลางจะพิจารณาให้ฟื้นฟูกิจการหรือไม่ด้วย

 
ดังนั้นทรัพย์สินกว่าหมื่นล้านบาทที่ส่วนใหญ่เป็นค่าลิขสิทธิ์จะต้องมีการประเมินมูลค่าใหม่ เพราะจะมีนัยสำคัญเมื่อไปเปรียบเทียบกับสัดส่วนของผู้ถือหุ้น ที่สำคัญการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ที่มีมูลค่ามากถึง 4,831 ล้านบาท ยังไม่ได้มีการตั้งประมาณความเสียหายหรือดอกเบี้ยผิดนัดชำระไว้เลย 

ถอดรหัสงบการเงินไตรมาส 3 JKN เห็นแล้วหนาว


 

ข้อมูลงบการเงิน 9 เดือน บอกอะไร ?  

ทรัพย์สินอยู่ระหว่างประเมินมูลค่ามีอยู่ 4 รายการ
เงินลงทุนในบริษัทย่อย มูลค่า 2,460 ล้านบาท 
เครื่องหมายการค้า Miss Universe มูลค่า 1,333 ล้านบาท 
ลิขสิทธิ์รายการ มูลค่า 6,278 ล้านบาท
ค่าความนิยมซื้อบริษัทย่อย มูลค่า 718 ล้านบาท รวม   10,789 ล้านบาท

ชัดเจนว่าหากมีการประเมินหรือพิจารณาด้อยค่าของทรัพย์สิน 4 รายการนี้ จะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ 

นอกจากนี้  JKN  ยังไม่ขายบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ผลิตสินค้าเครื่องดื่มสุขภาพ (เป็นบริษัทที่มีข้อพิพาทกับบริษัท TCG โซเซียล มีเดีย กรุ๊ป จำกัด) โดยกำลังจัดทำแผนใหม่ แต่ราคาเสนอขายต่ำกว่าราคาที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ถึง 27 %  โดยตั้งราคาขายที่ 56 ล้านบาท ขณะที่บริษัทเอ็มเอ็น มีเงินให้กู้ยืมคงค้างอีกกว่า 42 ล้านบาท 

กรณีของบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจ น่าตั้งข้อสังเกตว่าทำไม JKN ถึงตั้งราคาขายต่ำกว่าที่ซื้อมาถึง 27 % และยังมีเงินให้กู้ยืมคงค้างอีก 42 ล้าน ทั้งๆที่บริษัทนี้มีหุ้นส่วนที่ถือหุ้นอยู่ 40% คือ บริษัท TCG โซเซียล มีเดีย กรุ๊ป (จำกัด) ที่ปัจจุบัน TCG ฟ้องร้อง JKN หนึ่งในนั้นคือการยักยอกทรัพย์ โดย TCG อ้างว่า JKN ปิดกิจการไปโดยไม่แจ้งผู้ถือหุ้นและยังขนสินทรัพย์ออกจากโรงงานไปอีกด้วย 

มีเงินแต่ไม่ใช้หนี้หุ้นกู้

สุดท้ายมีรายการที่ JKN คืนเงินให้กรรมการบริษัทหลังจากมีการยืมเงินในระยะสั้นโดยไม่คิดดอกเบี้ย จำนวน 300 ล้านบาท โดยได้ชำระเงินให้กรรมการในไตรมาส 2 / 2566 แต่ในระหว่างนั้น JKN เริ่มผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้แล้ว ขณะเดียวกันในไตรมาส 2 และ 3 ยังพบว่า JKN นำเงินไปซื้อลิขสิทธิ์รายการจำนวนมาก ที่มีมูลค่ามากถึง 2,524 ล้านบาท 

หากเป็นไปโดยปกติวิสัยบริษัทจะเรียงลำดับความสำคัญในการชำระหนี้มาเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะหุ้นกู้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อหากไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้หุ้นกู้ได้ แต่ในกรณีของ JKN กลับนำเงินไปซื้อลิขสิทธิ์มากกว่า 2 พันล้าน แทนที่จะนำเงินมาชำระหนี้หุ้นกู้ชุดที่ครบกำหนดชำระมูลค่าไม่ถึงพันล้าน จึงมีคำถามว่า “ไปซื้อลิขสิทธิ์อะไรมา ที่มีความสำคัญและมีมูลค่ามากกว่าความน่าเชื่อถือบริษัท”

ถอดรหัสงบการเงินไตรมาส 3 JKN เห็นแล้วหนาว

TCG ฟ้อง JKN เรียกค่าเสียหายพันล้าน

เมื่อวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566 ผู้บริหารของบริษัท TCG โซเซียล มีเดีย กรุ๊ป จำกัด แถลงข่าวชี้แจงการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัท JKN  โดยกล่าวว่า การฟ้องครั้งนี้มี 2 ประเด็น 

1.ข้อหาหมิ่นประมาณกรณีที่ทาง JKN และ TCG ได้ลงนามความร่วมมือออก MU Coinเมื่อวันที่  30 มิถุนายน 2566 แต่หลังจากนั้นทางเพจของ JKN ได้โพสต์เตือนเรื่องการออกเหรียญที่ทางบริษัทไม่ได้มีส่วนรู้เห็นและให้ระวังเพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อในการหลอกลวง ซึ่งทาง TCG อ้างว่าการออกเหรียญได้ทำอย่างถูกต้อง จดทะเบียนที่ดูไบ มีใบรับรองที่เป็นมาตรฐานสากล  ซึ่งการฟ้องร้องครั้งนี้ยังรวมไปถึง พิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ น้องสาวของแอน จักรพงษ์ ที่โพสต์ข้อความในเพจส่วนตัวอีกด้วย 

2.ข้อหายักยอกทรัพย์โดย TCG กล่าวว่าก่อนที่จะร่วมมือกันออกเหรียญ MU Coin บริษัทTCG วางแผนออกเครื่องดื่มสุขภาพที่จะขายในต่างประเทศ โดยตัดสินใจใช้โรงงานของบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอเรจและเข้าไปถือหุ้น 40% เผื่อเป็นหลักประกันว่าจะสามารถผลิตสินค้าได้ตามจำนวนที่วางไว้ ไม่ให้ใครมาแทรกแซงการผลิต แต่เมื่อมีกรณี MU Coin เกิดขึ้น ก็มีการปิดกิจการ ปิดโรงงานโดยไม่มีการแจง TCG แต่อย่างใด และยังมีข้อมูลด้วยว่ามีการขนทรัพย์สินออกไปด้วย

ทั้งหมดนี้คือความไม่ชอบมาพากลที่ทางผู้บริหารสูงสุดของ JKN -“แอน” จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์   ต้องมาตอบคำถาม เพื่อให้สังคมคลายข้อสงสัย ซึ่งขณะนี้เธอยังอยู่ระหว่างการปฎิบัติภารกิจ Miss Universe ที่ทางบริษัท JKN อ้างว่ามีความสำคัญในการหารายได้เข้าบริษัท....หรือภารกิจจักรวาลของแอนนั้นจะสำคัญกว่าความรับผิดชอบต่อการใช้หนี้โดยเฉพาะหุ้นกู้ และการชี้แจงงบการเงินที่ส่งผลต่อการดำเนินงานในอนาคตของ JKN หรือไม่.....ต้องรอชม