คลังสั่งแบงก์รัฐเปิดสาขาแก้หนี้ถึงสิ้นปี 66

07 ก.พ. 2566 | 10:21 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.พ. 2566 | 11:16 น.

รมว.คลัง สั่งแบงก์รัฐเปิดสาขารับปรับปรุงโครงสร้างหนี้ถึงสิ้นปี 66 พร้อมประมวลผลงาน “มหกรรมแก้หนี้” ชี้ประชาชนเข้าร่วม 4.4 แสนรายการ ส่วนใหญ่บัตรกดเงินสด-บัตรเครดิต-สินเชื่อส่วนบุคคล

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้นำเสนอผลดำเนินการมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ให้ครม.รับทราบแล้ว โดยหลังสิ้นสุดการจัดมหกรรม แต่แนวทางแก้หนี้จะยังไม่จบ ซึ่งได้สั่งการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทุกแห่ง เดินหน้าช่วยแก้หนี้ต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2566 โดยทุกธนาคารต้องเปิดสาขาทั่วประเทศรับเรื่องช่วยเหลือประชาชน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ ผลการจัดงานมหกรรมแก้หนี้ ทั้งรูปแบบออนไลน์ และการจัดสัญจร 5 ภาค มีผู้ลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้สะสม  4.4 แสนรายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้เกี่ยวกับบัตรกดเงินสด บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล

 

“ปัจจุบันสามารถแก้หนี้ได้ 5 หมื่นรายการ และพบว่ามีถึง 1 แสนรายการ ที่ลงทะเบียนไว้แต่ติดต่อไม่ได้ อีก 1 แสนรายการ ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด และอีกส่วนใหญ่ 1.5 แสนรายการ ยังอยู่ระหว่างดำเนินติดตามการแก้ไข จึงต้องเร่งเดินหน้าต่อ”

ขณะที่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งแบงก์รัฐเพิ่งปรับขึ้นดอกเบี้ยไป อาจทำให้ลูกหนี้มีภาระเพิ่มขึ้น จึงกำชับให้สถาบันการเงินของรัฐเร่งช่วยลดภาระการจ่ายชำระหนี้ของลูกหนี้ ที่มากกว่าการขยายระยะเวลาการชำระหนี้เพียงอย่างเดียวเพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระ

ส่วนลูกหนี้กู้ใหม่ก็จะปล่อยกู้ตามขีดความสามารถ แต่เน้นให้ขยายเวลาผ่อนชำระให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ อีกทั้ง ยังกำหนดให้การปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่ง

ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้จัดช่องทางเสริมเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่

  1. ทางด่วนแก้หนี้ ซึ่งเป็นช่องทางเสริมออนไลน์สำหรับประชาชน
  2. หมอหนี้เพื่อประชาชน  ช่องทางให้คำปรึกษาแก่ลูกหนี้รายย่อยและเอสเอ็มอี
  3. คลินิกแก้หนี้  ช่องทางปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้เสียจากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ไม่มีหลักประกัน