นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้นำเสนอผลดำเนินการมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ให้ครม.รับทราบแล้ว โดยหลังสิ้นสุดการจัดมหกรรม แต่แนวทางแก้หนี้จะยังไม่จบ ซึ่งได้สั่งการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทุกแห่ง เดินหน้าช่วยแก้หนี้ต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2566 โดยทุกธนาคารต้องเปิดสาขาทั่วประเทศรับเรื่องช่วยเหลือประชาชน
ทั้งนี้ ผลการจัดงานมหกรรมแก้หนี้ ทั้งรูปแบบออนไลน์ และการจัดสัญจร 5 ภาค มีผู้ลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้สะสม 4.4 แสนรายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้เกี่ยวกับบัตรกดเงินสด บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล
“ปัจจุบันสามารถแก้หนี้ได้ 5 หมื่นรายการ และพบว่ามีถึง 1 แสนรายการ ที่ลงทะเบียนไว้แต่ติดต่อไม่ได้ อีก 1 แสนรายการ ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด และอีกส่วนใหญ่ 1.5 แสนรายการ ยังอยู่ระหว่างดำเนินติดตามการแก้ไข จึงต้องเร่งเดินหน้าต่อ”
ขณะที่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งแบงก์รัฐเพิ่งปรับขึ้นดอกเบี้ยไป อาจทำให้ลูกหนี้มีภาระเพิ่มขึ้น จึงกำชับให้สถาบันการเงินของรัฐเร่งช่วยลดภาระการจ่ายชำระหนี้ของลูกหนี้ ที่มากกว่าการขยายระยะเวลาการชำระหนี้เพียงอย่างเดียวเพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระ
ส่วนลูกหนี้กู้ใหม่ก็จะปล่อยกู้ตามขีดความสามารถ แต่เน้นให้ขยายเวลาผ่อนชำระให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ อีกทั้ง ยังกำหนดให้การปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่ง
ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้จัดช่องทางเสริมเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่