หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ได้เห็นชอบมาตรการภาษีสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่ โดยลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% ลดเหลือ 1% สำหรับการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาทนั้น
ล่าสุดนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างศึกษาระบบดิจิทัล เพื่อรองรับมาตรการปรับลดภาษีแบตเตอรี่ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ แบตเตอรี่ต้องรีไซเคิลได้ โดยอาจจะมีระบบติดตามว่าแบตเตอรี่อยู่ที่ไหน และจะเอากลับมารีไซเคิลได้เมื่อไหร่
ส่วนจะเริ่มดำเนินการได้เมื่อไหร่นั้น จะต้องรอบอร์ดอีวีเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติมาตรการต่อไป ซึ่งปัจจุบันอัตราภาษีแบตเตอรี่ทุกประเภทอยู่ที่ 8% เท่ากันทั้งหมด
นอกจากแบตเตอรี่อีวีแล้ว กรมสรรพสามิตจะมีการเข้าไปดูโครงสร้างภาษีแบตเตอรี่ประเภทอื่นๆ ที่ใช้ในปัจจุบันด้วย เช่น แบตเตอรี่บ้าน แบตเตอรี่หม้อแปลงรถยนต์ และแบตเตอรี่สำหรับกักเก็บพลังงานทั้งหลาย เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการศึกษา
“นอกจากสนับสนุนให้มีการคำนึงถึงการรีไซเคิลแบตเตอรี่อีวีแล้ว เรายังมีการนึงถึงแบตเตอรี่ประเภทอื่นๆ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันด้วย เพราะเป็นหน้าที่ของกรมที่ต้องส่งเสริมสิ่งแวดล้อม โดยมีการศึกษาไปพร้อมกับภาษีแบตเตอรี่อีวี คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จใกล้เคียงกัน เพื่อไม่ให้เกิดการลักลั่น”นายเอกนิติกล่าว
ทั้งนี้จากการสนับสนุนมาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่จะทำให้รถอีวีมีราคาถูกลง และสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถอีวีมากขึ้น โดยปัจจุบันมียอดจองรถที่เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการใช้อีวีเข้ามาแล้วกว่า 30,000 คัน