ความล้มเหลวของ “เครดิตสวิส”ผ่านมุมมอง ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์

​ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เจ้าของเพจ “ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์” เปิดเผยทรรศนะผ่านโพสต์ทางเฟซบุ๊กวันนี้ (16 มี.ค.) เกี่ยวกับปัญหาของ ธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse) หรือ CS และการแก้ไขรับมือของธนาคารกลางสวิส ว่า

บทบาทของ สวิตเซอร์แลนด์ ในฐานะนายธนาคารต่อคนรวยในโลกนั้นสร้างขึ้นจากชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ แต่ธนาคารเครดิตสวิส (CS) กลับมีแต่เรื่องอื้อฉาวและเข้าใจยาก ในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ ความไม่สบายใจเกี่ยวกับปัญหาของธนาคารเพิ่มสูงขึ้น และหุ้นของธนาคารก็ตกดิ่ง

1. เกิดอะไรขึ้น? ความล้มเหลวของ CS มีตั้งแต่ความผิดทางอาญาที่อนุญาตให้ผู้ค้ายาเสพติดฟอกเงินในบัลแกเรีย การพัวพันกับคดีทุจริตในโมซัมบิก เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการสอดแนมที่เกี่ยวข้องกับอดีตพนักงานและผู้บริหาร และการรั่วไหลของข้อมูลลูกค้าจำนวนมากไปยังสื่อ การคบหาสมาคมกับนักการเงิน Lex Greensill และบริษัทการลงทุน Archegos Capital Management นำไปสู่การไหลออกของลูกค้าอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในปลายปี 2565

2. อะไรเป็นสาเหตุของการตกต่ำของหุ้นครั้งล่าสุด? CEO Ulrich Koerner ดึงเงินฝากและเงินลงทุนกลับมาที่บริษัท ความพยายามดูเหมือนจะได้ผลภายในเดือนมกราคม โดยมีรายงานเงินฝากที่ "เป็นบวกสุทธิ" อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 มีนาคม SEC สหรัฐฯ มีคำถามกับรายงานประจำปีเลยต้องชะลอการเผยแพร่ ต่อด้วย Silicon Valley Bank ล้ม จากการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้น นักลงทุนอยู่ในอารมณ์ Risk Off มาเจอ Saudi National Commercial Bank ตัดการลงทุนในบริษัทอีกต่อไป สิ่งนี้ทำให้ CS เข้าไปขอความช่วยเหลือจาก Swiss National bank

3.  SNB เข้ามาช่วย? ส่วนตัวผมมองว่าเป็นการแก้ประเด็นปัญหาเรื่องสภาพคล่อง Bank Run หลังจากนี้ ก็น่าจะปิดประตูเรื่องนี้ไปได้

แต่ความกังวลอาจจะไม่ได้อยู่แค่ธนาคารในฝั่งยุโรป อาจจะลามกลับมาทั่วโลกได้

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หรือ “ดร.โจ๊ก” ในกลุ่มผู้ติดตามเพจ กล่าวในช่วงท้ายว่า สำหรับนักลงทุนไทย อ่านมาถึงตรงนี้คงเข้าใจแล้วว่า CS เป็นปัญหาเฉพาะ คนละแบบกับ SVB (ธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ในสหรัฐ) และผมมองเป็นโอกาสมากกว่าความเสี่ยงเชิงระบบ อย่างไรก็ดี วันนี้ติดตาม ECB ก่อนว่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้ไหม แค่ไหน เพราะจะส่งสัญญาณถึง SNB (ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์) และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงปลายเดือนด้วย