ราคาหุ้นของ ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB ซึ่งเป็นธนาคารในระดับภูมิภาคของสหรัฐ พลิกพุ่งขึ้นอีกครั้งในวันนี้ (17 มี.ค.) หลังมีข่าวว่า ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งของสหรัฐเตรียมอัดฉีดเงินเสริมสภาพคล่องให้แก่ FRB ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ ณ เวลา 01.02 น.ตามเวลาไทย ราคาหุ้น FRB พุ่งขึ้น 11.63% สู่ระดับ 34.78 ดอลลาร์ หลังดิ่งลง 31.48% สู่ระดับ 21.35 ดอลลาร์ในช่วงแรก
ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศรายงานตรงกัน เช่น CNBC, NBC, Reuters, CNN ฯลฯ ระบุว่า กลุ่มธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐอเมริการาว 11 แห่ง ตกลงใจที่จะอัดฉีดเงินทุนสนับสนุน 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยจะนำเงินของตนเข้าไปฝากในธนาคาร FRB เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจและทำให้มีเสถียรภาพ โดยธนาคาร Bank of America, Wells Fargo, Citigroup และ JPMorgan Chase จะสนับสนุนเงินรายละประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Goldman Sachs และ Morgan Stanley จะสนับสนุนเงินประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนธนาคาร Truist, PNC, U.S. Bancorp, State Street และ Bank of New York Mellon จะสนับสนุนเงินรายละประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนจากโกลด์แมน แซคส์ รวมทั้งธนาคารอีกหลายแห่ง
รายงานระบุว่า สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่เหล่านี้เตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อ FRB เนื่องจากกังวลว่า การล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank) หรือ SVB และธนาคารซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) หรือ SB จะส่งผลกระทบลุกลามไปยังธนาคารอื่นๆที่เป็นธนาคารประจำภูมิภาคของสหรัฐ
ทั้งนี้ FRB เป็นธนาคารที่มีปริมาณเงินฝากที่ไม่ได้รับการค้ำประกันจากรัฐบาลสหรัฐสูงสุดเป็นอันดับ 3 รองจาก SVB และ SB ทำให้ลูกค้าจำนวนมาก พากันแห่โยกย้ายเงินฝากออกจาก FRB ไปยังธนาคารขนาดใหญ่กว่า ทำให้นับตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ราคาหุ้น FRB ทรุดตัวลงแล้วเกือบ 75%
นอกจากหุ้น FRB แล้ว หุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐ ก็ร่วงลงก่อนเปิดตลาดเช่นกันท่ามกลางความวิตกของนักลงทุนที่เกรงว่า การล่มสลายของธนาคาร SVB และ SB จะส่งผลกระทบลุกลามไปยังธนาคารประจำภูมิภาคของสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ ช่วงสายของวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล สะพัดข่าวออกมาว่า ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งของสหรัฐกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากันเพื่อหาแนวทางเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ โดยสื่อใหญ่ดังกล่าวระบุว่า เป้าหมายความเคลื่อนไหวนี้ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้การล่มสลายของธนาคาร SVB และ SB ส่งผลกระทบลุกลามไปยังธนาคารประจำภูมิภาคของสหรัฐ ทั้งนี้ รายละเอียดการช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่ชัดเจนนักว่า จะอยู่ในรูปของการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน หรือการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ FRB
ในวันเดียวกันนั้น (16 มี.ค.) สำนักข่าวรอยเตอร์มีรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยนามเช่นกันว่า ธนาคารขนาดใหญ่ 11 แห่งในสหรัฐได้ตกลงจะอัดฉีดเงินฝาก 30,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่ธนาคาร FRB เพื่อช่วยพยุงสถานะการเงิน และแผนการนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากทางการสหรัฐ
ขณะที่รัฐมนตรีการคลังสหรัฐ นางเจเน็ต เยลเลน ได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการการเงินของวุฒิสภาสหรัฐว่า ระบบธนาคารของสหรัฐยังคงเข้มแข็ง เนื่องจากการใช้มาตรการที่เด็ดขาดหลังการล้มลงของธนาคาร SVB เพื่อรับประกันว่าผู้ฝากเงินไว้กับธนาคารที่ล้ม จะได้รับการปกป้องจากบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือ FDIC แม้จะมีวงเงินมากกว่า 250,000 ดอลลาร์ก็ตาม
ขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตามองการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ในสัปดาห์หน้า (21-22 มี.ค.) ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับ 0.50% เหมือนที่เคยส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปก่อนเนื่องจากความวุ่นวายทางการเงินที่เกิดขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง