นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาพิเศษประจำปี 2566 TEA Annual Forum 2023 ถึงเวลา! ก้าวสู่ทรงใหม่ไทยแลนด์ ว่า กรณีที่เอกชนมองว่า ภายใต้รัฐบาลรักษาการจะเกิดสุญญากาศทางการเมืองกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจนั้น มองว่า ภาคธุรกิจยังต้องเดินหน้าต่อไปได้ เพราะเศรษฐกิจหยุดเดินไม่ได้
ขณะที่ในส่วนของภาครัฐเองก็มีโครงการที่ยังเดินต่อ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน ลดภาษีน้ำมันดีเซลถึงเดือนส.ค.นี้ และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนการใช้จ่ายงบประมาณนั้น หากยังอยู่ในกรอบวงเงินเดิมก็สามารถใช้จ่ายได้ ยกเว้น การใช้จ่ายที่เป็นโครงการใหม่ จะต้องรอรัฐบาลใหม่มาพิจารณา
“ในส่วนนโยบายการคลังในช่วงรัฐบาลรักษาการนั้น ถ้าจำเป็นต้องเสนออะไรก็ทำได้ แต่ต้องมีเงื่อนไขไม่ผูกพันในรัฐบาลต่อไป และไม่ผูกพันในนโยบายรัฐบาลต่อไป”นายอาคมกล่าว
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยตอนนี้เป็นปัจจัยภายนอก คือ ภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ต่อเนื่องมาม.ค.ปีนี้ ที่ติดลบต่อเนื่อง ดังนั้น ไทยต้องหาตลาดใหม่ โดยเฉพาะอาเซียน
ส่วนเรื่องค่าเงินบาท เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกิดความผันผวน ซึ่งมาจากปัจจัยภายนอก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะพิจารณาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายสัปดาห์นี้
“เราก็ต้องติดตามอัตราแลกเปลี่ยนของเราจะเป็นอย่างไร ซึ่งค่าเงินบาทของเราก็มีทั้งอ่อนและแข็งเกินไป แต่เรามองว่า ปัจจุบันยังอยู่ที่เคยแข็งค่าระดับ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ แต่ระดับดังกล่าวนั้น ถือว่า แข็งกว่าปลายปีที่แล้ว”นายอาคมกล่าว
ส่วนกรณีการปิดธนาคารในสหรัฐ 2 แห่ง และการเทคโอเวอร์กิจการธนาคารในสวิสเซอร์แลนด์นั้น ได้มีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วว่า เรามีธุรกรรม หรือการลงุทนในธนาคารดังกล่าวน้อย หรือ 2 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่มีปัญหาต่อระบบธนาคารไทย ซึ่งธปท. ได้ยืนยันออกมาแล้ว
นอกจากนี้ ระบบการกำกับดูแลสถาบันการเงินของไทยหลังจากปี 2540 ก็มีความเข้มงวด ทำให้ไทยมีมาตรฐานเข้มแข็ง ซึ่งมีระบบการค้ำประกันเงินฝาก เงินสำรอง บีไอเอสยังสูงกว่ามาตรฐาน หนี้เสียกว่า 2% ดังนั้น สถาบันการเงินยังแข็งแรง
ทั้งนี้ ยังมองว่าปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะโตได้ 3-4% และหากถามว่า จะโตได้อีกหรือไม่นั้น จะต้องมีเรื่องการลงทุนเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐต้องลงทุนต่อ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนนั้น ในปีก่อนโตได้ 6% แต่ภาครัฐยังโตไม่มาก แต่ก็ต้องเร่งรัดให้มีการใช้จ่ายงบตลอดเวลา
อย่างไรก็ดี ต้องจับตา 3 ปัจจัยเสี่ยงที่กระทบ คือ
ทั้งนี้ หากถามว่าทิศทางเศรษฐกิจจะต้องเดินไปทางไหน มีอยู่ 5 เรื่อง คือ