นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทลูกที่เป็นนอนแบงก์แห่งใหม่ ขึ้นมาทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลนั้น คาดว่า จะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 66
ขณะนี้ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการออมสิน อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนอนแบงก์ ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และจากนั้นจะนำใบอนุญาตไปขออนุมัติกับกระทรวงการคลัง
“การตั้งนอนแบงก์ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลูกค้าอาชีพอิสระ ลูกจ้าง แรงงานหาเช้ากินค่ำ ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันยังต้องการช่วยดึงให้ดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคล ของตลาดนอนแบงก์โดยรวมลดลง รวมทั้งยังมีแผนที่จะเปิดให้กู้ สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ หรือนาโนไฟแนนซ์ด้วย”นายวิทัยกล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารตั้งใจว่าจะช่วยดึงดอกเบี้ยในตลาดลงมาได้อีก 5% เช่น ปัจจุบันดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลมีเพดานที่ต้องไม่เกิน 25% ก็อาจเหลือไม่เกิน 20% ขณะที่สินเชื่อนาโนอยู่ที่ไม่เกิน 33% นอนแบงก์ของออมสินจะอยู่ที่ 28%
สำหรับรูปแบบการถือหุ้นนั้น ธนาคารออมสินจะเข้าไปเป็นถือหุ้นสัดส่วน 49% ส่วนที่เหลือจะให้บริษัทมีที่มีเงิน ซึ่งมีออมสินถือหุ้น เข้ามาร่วมถือหุ้นในนอนแบงก์อีก 51% ทำให้ออมสินจะมีการถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมรวมกว่า 80% ซึ่งถือว่ากระทำได้ ไม่ผิดระเบียบเพราะเกณฑ์กำหนดสั่งห้ามให้ถือหุ้นทางตรงเกินกึ่งหนึ่งเท่านั้น
นายวิทัยกล่าวว่า การทำธุรกิจสินเชื่อรายย่อยผ่านนอนแบงก์ จะทำควบคู่ไปกับการปล่อยกู้ของธนาคารออมสิน โดยไม่แย่งลูกค้า โดยเบื้องต้นลูกค้าที่สนใจอยากขอสินเชื่อ สามารถติดต่อได้ที่ออมสินก่อน หากเป็นลูกค้าชั้นดี ที่มีข้อมูลเครดิตดี อยู่ในเกณฑ์ที่แบงก์ให้สินเชื่อได้ ก็จะรับเป็นลูกค้าของออมสิน
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาแล้ว ลูกค้าไม่ผ่านเกณฑ์ ก็จะส่งต่อไปให้บริษัทลูกแห่งใหม่นี้ ซึ่งสามารถรับความเสี่ยงได้สูงกว่า ซึ่งจะเป็นการปล่อยกู้ผ่านช่องทางดิจิทัล และเลือกใช้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อนาโนได้