ณิชนันท์ โลกวิทูล นักวิเคราะห์ SCB EIC คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในการประชุมเดือนสิงหาคมและกันยายนนี้ สู่ระดับ Terminal rate ที่ 2.5% ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและจะกลับไปสู่ระดับก่อนเกิด COVID-19 ได้ในช่วงกลางปีนี้
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยในภาพรวมได้ฟื้นตัวมาอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนเกิด COVID-19 ราว -1.5% แล้ว
แม้ภาคบริการจะยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อน COVID-19 เกือบ -40% แต่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่าง ๆ ทั้งการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และภาคการผลิตปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สะท้อนแนวโน้มที่ดีในระยะต่อไป ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง จากแรงหนุนของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นสำคัญ
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยที่แม้จะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ยังมีความเสี่ยงด้านสูง (Upside risks) จากการส่งผ่านต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการไปยังผู้บริโภคที่จะคาดว่ายังอยู่ในระดับสูงตลอดปีนี้ และยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้าตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ดังนั้นนโยบายการเงินไทย จึงมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ระดับปกติที่เหมาะสมกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ซึ่ง SCB EIC ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ย Neutral rate ของไทยล่าสุดอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นระดับที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับศักยภาพและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายของ ธปท.
นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real interest rate) ของไทยยังคงติดลบต่อเนื่อง ซึ่งการที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่ำเกินไปจะก่อให้เกิดความไม่สมดุลในระบบเศรษฐกิจ และเป็นการสะสมความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว
ดังนั้นกนง. จึงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปยังระดับที่บทบาทนโยบายการเงินเป็นกลางมากขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจ และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับดังกล่าวเพื่อให้กลไกดอกเบี้ยนโยบายส่งผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจต่อไป
ทั้งนี้หากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงไปจากที่ประเมินไว้ในปัจจุบัน กนง. อาจไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจนไปสู่ระดับ Neutral rate ได้ในช่วงวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้ แต่อาจต้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไปแทน
ขณะที่วัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มใกล้สิ้นสุดลง จากเงินเฟ้อของหลายประเทศที่ปรับลดลงมากกว่าคาด ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเริ่มทยอยกลับเป็นบวกแล้ว โดยจะเห็นว่า อัตราเงินเฟ้อของหลายประเทศทั่วโลกเริ่มปรับลดลงมากกว่าคาดในไตรมาส 2 นี้ โดย Citi inflation surprise index ของโลกออกมาต่ำกว่าคาดเป็นครั้งแรกในรอบ 29 เดือน
SCB EIC คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี ตามราคาพลังงานและปัญหาอุปทานคอขวดที่ทยอยคลี่คลาย ปัจจัยฐานสูง รวมถึงผลสะสมของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะถูกส่งผ่านไปยังระบบเศรษฐกิจมากขึ้น นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในหลายประเทศได้เริ่มกลับมาเป็นบวก หลังจากติดลบมากต่อเนื่องหลังเกิด COVID-19
SCB EIC คาดว่าธนาคารกลางสำคัญมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ออีกอย่างมาก 1-2 ครั้งในปีนี้