SCB EIC คาดกนง. เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง

31 พ.ค. 2566 | 11:38 น.
อัปเดตล่าสุด :31 พ.ค. 2566 | 11:39 น.

SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยกลับไปสู่ระดับก่อนโควิดกลางปีนี้ คาดกนง.เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง ขึ้นสู่ 2.5% ในไตรมาส 3 ปีนี้ ชี้วัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยทั่วโลกใกล้จะสิ้นสุดลง

ณิชนันท์ โลกวิทูล นักวิเคราะห์  SCB EIC คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในการประชุมเดือนสิงหาคมและกันยายนนี้ สู่ระดับ Terminal rate ที่ 2.5% ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและจะกลับไปสู่ระดับก่อนเกิด COVID-19 ได้ในช่วงกลางปีนี้

SCB EIC คาดกนง. เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง

ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยในภาพรวมได้ฟื้นตัวมาอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนเกิด COVID-19 ราว -1.5% แล้ว

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนเกิด COVID-19 แล้ว

แม้ภาคบริการจะยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อน COVID-19 เกือบ -40% แต่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่าง ๆ ทั้งการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และภาคการผลิตปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ดัชนีความเชื่อมั่นต่าง ๆ ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

สะท้อนแนวโน้มที่ดีในระยะต่อไป ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง จากแรงหนุนของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นสำคัญ

 

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทยที่แม้จะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ยังมีความเสี่ยงด้านสูง (Upside risks) จากการส่งผ่านต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการไปยังผู้บริโภคที่จะคาดว่ายังอยู่ในระดับสูงตลอดปีนี้ และยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้าตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ดังนั้นนโยบายการเงินไทย จึงมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ระดับปกติที่เหมาะสมกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ซึ่ง SCB EIC ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ย Neutral rate ของไทยล่าสุดอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นระดับที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับศักยภาพและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายของ ธปท.

นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real interest rate) ของไทยยังคงติดลบต่อเนื่อง ซึ่งการที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่ำเกินไปจะก่อให้เกิดความไม่สมดุลในระบบเศรษฐกิจ และเป็นการสะสมความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว

ดังนั้นกนง. จึงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปยังระดับที่บทบาทนโยบายการเงินเป็นกลางมากขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจ และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับดังกล่าวเพื่อให้กลไกดอกเบี้ยนโยบายส่งผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจต่อไป

ทั้งนี้หากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงไปจากที่ประเมินไว้ในปัจจุบัน กนง. อาจไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจนไปสู่ระดับ Neutral rate ได้ในช่วงวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้ แต่อาจต้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไปแทน

ขณะที่วัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มใกล้สิ้นสุดลง จากเงินเฟ้อของหลายประเทศที่ปรับลดลงมากกว่าคาด ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเริ่มทยอยกลับเป็นบวกแล้ว โดยจะเห็นว่า อัตราเงินเฟ้อของหลายประเทศทั่วโลกเริ่มปรับลดลงมากกว่าคาดในไตรมาส 2 นี้ โดย Citi inflation surprise index ของโลกออกมาต่ำกว่าคาดเป็นครั้งแรกในรอบ 29 เดือน

อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกเริ่มปรับตัวลงมากกว่าคาด

SCB EIC คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี ตามราคาพลังงานและปัญหาอุปทานคอขวดที่ทยอยคลี่คลาย ปัจจัยฐานสูง รวมถึงผลสะสมของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะถูกส่งผ่านไปยังระบบเศรษฐกิจมากขึ้น นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในหลายประเทศได้เริ่มกลับมาเป็นบวก หลังจากติดลบมากต่อเนื่องหลังเกิด COVID-19 

อัตราดอกเบี้ยที่ทแท้จริงทั่วโลกทยอยกลับเป็นบวก

SCB EIC คาดว่าธนาคารกลางสำคัญมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ออีกอย่างมาก 1-2 ครั้งในปีนี้

  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) : ภาวะสินเชื่อและภาวะการเงินที่ตึงตัว ประกอบกับ Monetary policy lag และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเริ่มเป็นบวก (Restictive zone) ส่งผลให้ Fed มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้ (Baseline) อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) เดือนเมษายน ซึ่งเป็นมาตรวัดสำคัญของ Fed กลับมาเร่งตัวจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง หากตัวเลขการจ้างงานและเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมออกมาเร่งตัวสูงกว่าคาดอาจกดดันให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 1 ครั้งได้ โดย SCB EIC คาดว่า Fed มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับสูงตลอดปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 2% ของ Fed มาก
  • ธนาคารกลางยุโรป : ภูมิภาคยุโรปเผชิญแรงกดดันเงินเฟ้อที่สูงกว่า แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงเร็วตามราคาพลังงาน แต่เงินเฟ้อพื้นฐานยังขยายตัวต่อเนื่องจากค่าแรงเพิ่มขึ้นและอัตราการว่างงานต่ำ ส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้ง อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงติดลบมาก โดย SCB EIC คาดว่า ECB และ BOE มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 25 BPS สู่ 3.75% และ 5% ตามลำดับ
  • ระเทศอื่นๆ : คาดว่าหลายประเทศได้ยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว เช่น Bank of Canada และ Bank of India ขณะที่ Bank of Korea คาดว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมและมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงปลายปีนี้ตามเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย ขณะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง