นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเปิดสัมมนาในหัวข้อ“ทิศทางการขับเคลื่อน Digital Tax Ecosystem ของประเทศไทย”ว่า กรมจะให้แรงจูงแก่ผู้ประกอบการที่ให้บริการ e-Tax Service Provider แบบครบวงจร และผู้ยื่นภาษีผ่านระบบดังกล่าว โดยให้นำเงินลงทุนระบบเป็นค่าใช้จ่ายในการลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า
ทั้งนี้ ปัจจุบัน e-Tax Service Provider คือ ผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ แทนผู้ประกอบการ ด้วยระบบรับส่งข้อมูลที่เชื่อมต่อกับระบบข้อมูลของกรมสรรพากร ที่มีมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการอยู่ประมาณ 20 ราย
สำหรับ e-Tax Service Provider ที่ให้บริการด้านภาษีแบบครบวงจร จะต้องทำหน้าที่ ประกอบด้วย 1.ยื่นคำขอ/จดทะเบียน 2.จัดทำงบการเงินและ นำส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ 3.ยื่นแบบชำระภาษีและขอคืนภาษี และ 4.จัดเก็บข้อมูล โดยผู้ที่สนใจเป็น e-Tax Service Provider สามารถยื่นขอต่อกรมได้ตั้งแต่เดือนก.ค.นี้
“ e-Tax Service Provider แบบครบวงจร จะเป็นคนที่เข้ามาช่วยผู้ประกอบการผู้เสียภาษีได้มากขึ้น โดย e-Tax Service Provider จะเข้ามาช่วยดูทั้งงบการเงิน การชำระภาษี เราอยากให้มีซัก 100 ราย ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันทางด้านราคา ช่วยลดต้นทุนแก่ผู้ประกอบการได้”
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ใช้บริการ e-Tax Service Provider จะลดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับกรมสรรพากร อาทิ ลดข้อผิดพลาดในการเสียภาษี ได้รับการคืนภาษีที่เร็วหรือภายใน 3 วัน จาก 15 วันสำหรับภาษีมูลค่าเพิ่ม ลดข้อโต้แย้งกับเจ้าหน้าที่ และลดการจัดเก็บเอกสารที่เป็นกระดาษ
ส่วนธุรกิจที่กรมฯต้องการให้เข้ามาเป็น e-Tax Service Provider คือ ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ เพราะเป็นธุรกิจที่มีซัพพลายเชนจำนวนมาก โดย e-Tax Service Provider ดังกล่าวจะเข้ามาช่วยพัฒนาผู้ประกอบการรายเล็กๆให้เข้าสู่ระบบภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ยังต้องการผู้ที่ทำหน้าที่ผู้สอบบัญชี และรวมถึง สถาบันการเงินต่างๆ เพราะมีลูกค้าจำนวนมาก