แบงก์ชาติ เกาะติดโหวตนายกฯ ตั้งรัฐบาลล่าช้ายังไม่กระทบความเชื่อมั่น

14 ก.ค. 2566 | 13:01 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ค. 2566 | 13:02 น.

แบงก์ชาติ เกาะติดผล "โหวตนายกฯ" 19 ก.ค. 66 ชี้ตั้งรัฐบาลช้ากระทบงบลงทุน แต่ยังไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2566 ยังโตได้ที่ 3.6% ส่วนปีหน้าขยายตัวระดับ 3.8%

น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ ระบุว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ยังประเมินได้ยาก เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะยังไม่รู้ว่าจะได้ตัวนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อไร หลังผ่านการ "โหวตนายกฯ" รอบแรก

ทั้งนี้ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐปี 2567 ซึ่งในส่วนของรายจ่ายประจำยังมีงบกลางที่ใช้ดำเนินการไปพลางได้ อาจไม่ได้ติดขัดมาก แต่จะส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบลงทุนโครงการขนาดใหญ่ รวมถึงยังไม่สามารถมีโครงการลงทุนใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้ในระยะนี้          

แต่ในแง่ของความเชื่อมั่นในการลงทุนยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นยังพบว่ามีความเชื่อมั่นอยู่ โดยเปรียบเทียบจากในช่วงอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมีความวุ่นวายทางการเมือง

หรือมีการประท้วงในสถานการณ์ต่างๆ ก็ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบมากนัก ยกเว้นหากเกิดความรุนแรงยืดเยื้อลากยาวจนกิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก

น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา ธปท. ได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจากในหลายกรณีแล้วว่า จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ซึ่งปัจจุบันทาง ธปท. ยังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.6% ในปี 2566 และขยายตัวที่ 3.8% ในปี 2567

น.ส.ชญาวดี กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้คงต้องติดตามการ "โหวตเลือกนากรัฐมนตรี" รอบที่ 2 ในวันที่ 19 ก.ค. 66 จะสำเร็จเสร็จสิ้นลงได้หรือไม่ และยังไม่สามารถประเมินจากกระแสข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไปเป็นอีกพรรคหนึ่งนั้นจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยและความเชื่อมั่นอย่างไรหรือไม่ คงต้องรอการโหวตวันที่ 19 ก.ค. หรือการโหวตครั้งถัดๆ ไป หากยังไม่จบ