นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่ต้องการพักหนี้เกษตรกรนั้น กระทรวงการคลังได้มีการประสานมาทางธ.ก.ส.แล้ว ซึ่งธนาคารก็ได้มีการเตรียมข้อมูลและรายละเอียดของลูกค้าไว้ ทั้งข้อมูลกลุ่มธุรกิจ อายุ มูลหนี้ และอุตสาหกรรมแต่ละประเภท เป็นต้น แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการในมิติใดบ้าง แต่แบงก์เตรียมฐานข้อมูลไว้เสนอรัฐบาลแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมข้อมูลไว้เสนอรัฐบาลว่าเมื่อดำเนินการแล้ว สิ่งที่กระทบกับแบงก์มีอะไรบ้าง เช่น จะพักชำระหนี้เฉพาะเงินต้น หรือพักชำระทั้งดอกเบี้ย ซึ่งส่วนนี้จะกระทบกระแสเงินสด ถ้าเกิดพักชำระเงินต้นแต่ดอกเบี้ยไม่เดินหน้าจะกระทบงบการเงินของธนาคาร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม พบว่ายังมีลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ ส่วนนี้ธนาคารอาจจะมีการเพิ่มแรงจูงใจและสนับสนุนให้เข้ามาชำระหนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.จะใช้โอกาสในการดำเนินมาตรการดังกล่าว ในการพัฒนาโมบายแบงก์กิ้ง แอปพลิเคชัน A-mobile เพื่อให้เกษตรกรเรียนรู้การนำเทคโนโลยีมาใช้ และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งจะปรับปรุงแอพให้มีการใช้งานง่ายมากที่สุด
"เราจะต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลว่าจะมีการพักหนี้เฉพาะเงินต้น หรือพักดอกเบี้ยด้วย หากพักดอกไม่เดินจะกระทบงบการเงินของธนาคาร ซึ่งจะต้องคุยรายละเอียดร่วมกันอีกครั้ง โดยเรามีฐานข้อมูลที่เตรียมไว้ ได้แก่ จำนวนลูกค้าดอกเบี้ย และอายุแล้ว ขณะเดียวกันก็จะต้องคุยกระทรวงการคลังว่าหากดำเนินการจะมีผลอะไรบ้าง ทั้งมิติลูกค้ากระแสเงินสด และหนี้เสีย"
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 8.46% มูลหนี้ 1.37 แสนล้านบาท โดยมีเป้าหมายลดหนี้เสียลงมาในสิ้นปีบัญชี 2566 นี้ อยู่ที่ระดับ 5.5% คิดเป็นมูลหนี้ 9 หมื่นล้านบาท จากยอดหนี้คงค้าง 1.6 ล้านล้านบาท โดยได้นำเครื่องมือในการบริหารสินเชื่อมาใช้จัดการระบบ เพื่อจัดการหนี้เสีย และจะเข้าไปสนับสนุนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการชำระหนี้ระหว่างทางของลูกค้า และเข้าไปปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้าที่เป็นหนี้เสียอยู่เสียง เป็นต้น