นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด(มหาชน)หรือ KBANK กล่าวในหัวข้อ บทบาทสถาบันการเงินกับอนาคตธุรกิจไทย ในงานสัมนา Thailand Economic Outlook 2024 : Change The Future Today ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจว่า สภาวะแวดล้อมในการทำธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จนนำมาซึ่งมาตรการกีดกันทางการค้าอย่างเรื่อง CBAM ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นทั้งข้อจำกัดและโอกาสของภาคธุรกิจ
ขณะที่ประเทศไทยเองกำลังประสบกับโครงสร้างประชากรที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ขณะที่อัตราการเกิดลดลง ซึ่งจะทำให่จำนวนประชากรที่จะสร้างผลิตภาพดีๆให้กับประเทศลดลงและกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดังนั้นมองไปข้างหน้าความท้าทายของประเทศไม่ได้ลดลงเลย มีแต่จะมากขึ้นและหลากหลายมากขึ้น
ดังนั้นหากจะมองถึงบทบาทของสถาบันการเงินไทยต่อธุรกิจไทยจะต้องประกอบไปด้วย 3 ส่วนที่ต้องทำงานร่วมกันและภประสานกันอย่างสมดุล ไม่เน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งคือ หน่วยงานกำกับดูแล ต้องทำหน้าที่เป็น GPS นำทาง ออกกฎ และวางโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้ภาคธุรกิจที่แท้จริง หรือ Real Sector ที่เป็นเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะ สามารถแข่งขันในเวทีต่างๆได้ ขณะที่สถาบันการเงินจะเป็นเหมือนตัวจ่ายพลังงานให้ภาคธุรกิจทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้
สถาบันการเงินจึงมีหน้าทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำ ไม่ให้เป็นภาระ เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้และสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ในต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งหากดูโครงสร้างต้นทุนของผู้ประกอบการระหว่าง 100-300 ล้านบาทพบว่า โครงสร้างต้นทุนใหญ่สุดอยู่ที่ วัตถุดิบ แรงงาน ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร มากกว่า 80% ถ้าสามารถเพิ่มผลิตภาพทางการผลิตด้วยการนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาจะสามารถเพิ่มผลิตภาพได้มาก ขณะที่ต้นทุนทางการเงินจากสถาบันการเงินเพียง 5% เท่านั้นที่สามารถเข้าไปลดต้นทุนให้ได้
“ถ้าเปรียบเศรษฐกิจไทยและประเทศไทยเหมือนรถยนต์ที่กำลังนำพาประเทศไทยและคนไทยไปสู่เป้าหมาย แม้ระหว่างทางจะขรุขระบ้าง แต่หากมีเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถนำมาอัพเกรดให้รถยนต์สามารถวิ่งได้เร็ว แรง และปลอดภัย ก็สามารถที่จำนำพาคนไทยและประเทศไทยไปสู่เป้าหมายได้”นางสาวขัตติยากล่าว