นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายและการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยถึงผลดำเนินงานของบริษัทในงวดไตรมาส 3 ปี 2566 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 21.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154.49% เมื่อเปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.77% เทียบไตรมาสก่อนหน้า หนุนให้งวด 9 เดือนแรกของปีบริษัทมีกำไรสุทธิ 71.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.28% เปรียบเทียบงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีรายได้ดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้พอร์ตใหม่ที่รับรู้เข้ามาเพิ่มขึ้น มีกำไรจากการรับชำระหนี้เพิ่มขึ้นจากการปิดบัญชีลูกหนี้ รวมทั้งมี กำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นต้น
“สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในบริษัทคือ การรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพใหม่ จำนวน 538.88 ล้านบาท ซึ่งเป็นลูกหนี้ประเภทสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อธุรกิจ, บริษัทได้ออกหุ้นกู้จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายและบางส่วนเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ และบริษัทฯ มีเงินรับจำนวน 192.96 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 มีเงินรับรวม 93.06 ล้านบาท มาจากธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจจัดการทรัพย์สินรอการขาย เป็นสัดส่วน 83% และ 17% ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 183.09 %และ 55.50% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ตามลำดับ เนื่องจากในไตรมาสนี้มีลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจและลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปิดบัญชีมากกว่าไตรมาสที่ผ่านมา รวมทั้งขายทรัพย์สินรอการขายมากขึ้นเช่นกัน“นายทวี กล่าว
โดยงวด 9 เดือนของปี 2566 บริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้สุทธิ เท่ากับ 103.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 104.96% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้เพิ่มขึ้น สำหรับลูกหนี้ที่บริษัทรับโอนเข้ามาใหม่ระหว่างปี 2565 และงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ แม้ว่าค่าใช้จ่ายจากดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น จากการออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้นเพื่อลงทุนซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ก.ย.2566 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,243.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 516.92ล้านบาทหรือ 29.94% จากสิ้นปี 2565 เป็นผลมาจาก เงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับสุทธิเพิ่มขึ้น 522.50 ล้านบาท หรือ 39.21 % จากการซื้อและรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 538.88 ล้านบาท ทรัพย์สินรอการขายเพิ่มขึ้น 12.41 ล้านบาท แม้จะมีการขายทรัพย์สินรอการขายหลายรายการในปีนี้ แต่ก็มีการรับโอนทรัพย์สินรอการขายที่เกิดจากการประมูลซื้อหลักประกันของลูกหนี้ในกรมบังคับคดีเพิ่มขึ้น
นายทวี ระบุว่า บริษัทมีส่วนของเจ้าของหรือส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 โดยบริษัทฯ มีส่วนของเจ้าของเท่ากับ 1,153.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2565 จำนวน 58.20 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในงวดจำนวน 71.34 ล้านบาท
“สำหรับความคืบหน้าในการยกระดับเป็นบริษัทโฮลดิ้ง (บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง) ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้อนุมัติด้วยคะแนนเสียง100% เมื่อวันที่ 11 ก.ย 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน และคาดว่าจะนำหุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้งเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)” นายทวีกล่าว