นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันพุธ (20 มี.ค.) โดยกล่าวว่า ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งจะไม่เป็นปัจจัยขัดขวางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และยังกล่าวด้วยว่า แม้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะออกมาสูงเกินคาดเมื่อไม่นานมานี้ แต่ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของเฟดที่ว่า เงินเฟ้อจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ (19-20 มี.ค.) คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ตามคาด ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) นั้น เจ้าหน้าที่เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจำนวน 3 ครั้งในปี 2567 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ส่งสัญญาณในการประชุมเมื่อเดือนธ.ค. 2566
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานอ้างอิงถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ว่า เขายังคงรอดูข้อมูลที่จะสามารถยืนยันได้ว่าเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% แม้ตัวเลขเงินเฟ้อที่มีการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้จะอยู่ในระดับสูงขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ ยังส่งสัญญาณว่า ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งจะไม่เป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดลังเลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
"การจ้างงานที่แข็งแกร่งจะไม่เป็นปัจจัยขัดขวางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และโดยพื้นฐานแล้ว ตลาดแรงงานไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ" นายพาวเวลล์กล่าว
นอกจากนี้ ประธานเฟดยังระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดยังคงมีความตั้งใจที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ ภายใต้สมมติฐานที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
"เราเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอยู่ในระดับสูงสุดแล้วสำหรับวงจรนี้ และหากเศรษฐกิจมีพัฒนาการตามที่เราคาดการณ์ไว้เป็นวงกว้าง ก็น่าจะเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้" นายพาวเวลล์กล่าว พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า เฟดจะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
โดยในกรณีที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวขึ้นทั้งในเดือนม.ค.และเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ประธานเฟดกล่าวว่า
"ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของเฟดที่ว่า เงินเฟ้อจะชะลอตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% อย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้เส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายดังกล่าวจะไม่ราบรื่นนักก็ตาม”
และต่อไปนี้เป็น แถลงการณ์ประชุมธนาคารกลางสหรัฐเดือนมี.ค. 2567 แบบคำต่อคำ
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด ซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 20 มี.ค.ตามเวลาสหรัฐ ระบุว่า