นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนของกบข.ปี 2566 กลับมาเป็นบวกอีกครั้งที่ 1.46% หลังจากติดลบเมื่อปี 2565 โดยกบข.ได้การกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ซึ่งมีการลงทุนทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของตลาดโดยรวมก็ยังเป็นที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ ปัจจุบันกบข. มูลค่ากองทุน (รวมกองสำรอง) ณ มี.ค. 2567 ที่ 1.33 ล้านล้านบาท มูลค่ากองทุน เฉพาะกองสมาชิก 4.8 แสนล้านบาท และมีสมาชิกอยู่ในกองทุน 1.23 ล้านราย ซึ่งแนวโน้มการลงทุนของกองทุนขณะนี้ยังเป็นบวกอยู่ที่ประมาณ 2-3% จึงคาดว่าทั้งปี 2567 ผลตอบแทนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการจัดสรรการลงทุน และได้ปรับสัดส่วนการลงทุนตามลักษณะความเสี่ยง
“ยอมรับว่า ปีนี้มีความเสี่ยงอยู่หลายประเภท ทั้งความเสี่ยงของสงคราม ความเสี่ยงจากการเลือกตั้งในหลายๆ ประเทศ และความไม่แน่นอนของทิศทางดอกเบี้ย ฉะนั้น ในปีนี้เราได้ปรับสัดส่วนการลงทุน ลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเกิดสงครามลงพอสมควร และลงทุนในทางเลือกมากยิ่งขึ้น เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมัน และทองคำ” นายทรงพลกล่าว
นอกจากนั้น กบข.ยังอยู่ระหว่างเตรียมหารือร่วมกับคณะกรรมการ (บอร์ด) กบข. เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับสมาชิก หลังจากปีที่ผ่านมาได้เพิ่มทางเลือกให้สมาชิกสามารถออมเงินสมทบเพิ่มได้ 27% เพื่อให้สมาชิกมีเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ และขณะนี้ กบข.เองก็มีแผนทางเลือกสำหรับการลงทุนในทองคำ เพื่อปิดความเสี่ยงกรณีมีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะนี้มีอยู่ 5% ของพอร์ต
นายทรงพลกล่าวถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ว่า กบข.เองก็มีการเตรียมตัวรองรับความเสี่ยง ภายใต้การมองสมติฐาน 2 ด้านคือ เฟดมีแนวโน้มที่จะไม่ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง เนื่องจากขณะนี้สหรัฐอเมริกายังไม่มีความแน่นอนสูงในเรื่องรายได้ แต่ในความไม่แน่นอนดังกล่าวนั้น ก็อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่สัดส่วนในการลงทุนตราสารหนี้นั้น ปัจจุบันกบข. ยังมีการลงทุนทั้งในตราสารหนี้ไทยและตราสารหนี้ต่างประเทศ และไม่ได้มีความกังวลในเรื่องแนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้ของตราสารต่างๆ แต่อย่างใด เนื่องจากการลงทุนตราสารหนี้ของกบข.ในช่วงที่ผ่านมา จะเลือกลงทุนเฉพาะ Investment Grade ที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการลงทุน ซึ่งตัวตราสารหนี้ที่อาจจะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต ในบางกลุ่มกบข.ก็ไม่ได้มีการลงทุน
“กบข.ยังมีการลงทุนสินทรัพย์มั่นคงสูง อยู่ที่สัดส่วน 60% ส่วนสินทรัพย์ทางเลือกมีการลงทุนอยู่ที่ 40% และมีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศ 60% และสัดส่วนการลงทุนในประเทศ 40% และในการลงทุนนั้นมีการกระจัดกระจายตามประเภทของสินทรัพย์ ทั้งการลงทุนตรง และลงทุนในโรงแรมที่เราเป็นข้าวของ ซึ่งเรามีการเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนอยู่ตลอดเวลา” นายทรงพลกล่าว
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยที่มีความผันผวนมองว่า ผลของตลาดหุ้น และผลการดำเนินงานของบริษัทไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด บริษัททั่วไปยังมีทิศทางที่แข็งแรง และยังมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจในบริษัทของตัวเอง มองว่า ตลาดหุ้นไทยขณะนี้ต้องให้เวลาในการปรับตัว และปัจจัยของข่าว และปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ได้ทำให้เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นไทย เพราะไทยยังต้องบริโภค และยังต้องส่งออกสินค้าบริโภคได้ในประเทศที่มีสงครามกันอยู่
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,986 วันที่ 25 - 27 เมษายน พ.ศ. 2567