ธนาคารและสถาบันการเงินของประเทศไทยได้ร่วมมือกันในการยกระดับนโยบายรัฐบาลที่เน้นการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือทั้งภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยในช่วงเศรษฐกิจที่ท้าทาย
การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ของธนาคารและสถาบันการเงิน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม นี้ ซึ่งเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน และได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เชิญผู้บริหารธนาคารมาร่วมหารือเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ
สำหรับรายชื่อบางธนาคารและสถาบันการเงินที่ร่วมขานรับนโยบายได้แก้ไขอัตราดอกเบี้ยลง ดังนี้
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank)
ธนาคารอาคารสงเคราะห์
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารออมสิน
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ธนาคารหลายแห่งร่วมขานรับนโยบายรัฐบาล หลังสมาคมธนาคารประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือลูกหนี้ทุกกลุ่ม อันเป็นผลจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชิญผู้บริหารธนาคารมาพูดคุยหารือเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ
จากนั้นสมาคมธนาคารก็ได้มีมติร่วมกันในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย และกลุ่มเปราะบางตามนโยบายรัฐบาล โดย นายกฯ ชื่นชมสมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิกที่ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เข้าใจถึงภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย เป็นการช่วยเหลือทั้งภาคธุรกิจ และประชาชนโดยรวม
“ประชาชน และกลุ่ม SMEs ถือเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ การปรับลดดอกเบี้ยแม้เพียงแค่ 6 เดือน แต่ก็ช่วยให้สามารถเอาไปต่อยอดได้ โดยรัฐบาล ไม่ได้นิ่งนอนใจ เดินหน้าหามาตรการ/แนวทาง เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุดอย่างต่อเนื่อง” รองโฆษกฯ รัดเกล้า กล่าวนายรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "การปรับลดดอกเบี้ยเป็นการสนับสนุนที่มีนัยสำคัญต่อประชาชนและกลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเป็นการทำให้เกิดการเติบโตแบบยั่งยืนในระยะยาว"