ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เน้นย้ำแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบและอดทน
ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดดอกเบี้ย หลังพบว่าตลาดแรงงานเริ่มผ่อนคลายลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมาย 2% มากขึ้น
นายพาวเวลกล่าวในการแถลงข่าวว่า "การปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วยรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน พร้อมทั้งสนับสนุนให้เงินเฟ้อเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายได้ดีขึ้น ขณะที่เรากำลังมุ่งสู่จุดยืนนโยบายที่เป็นกลางมากขึ้นในระยะยาว"
อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดไม่ได้ให้สัญญาณชัดเจนถึงจังหวะและขนาดการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคต โดยระบุว่าจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเข้ามา เนื่องจากต้องระมัดระวังความเสี่ยงทั้งจากการดำเนินนโยบายที่เร็วเกินไปซึ่งอาจกระทบความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อ และการดำเนินนโยบายที่ช้าเกินไปซึ่งอาจทำให้ตลาดแรงงานอ่อนแอลงมากเกินไป
ด้านแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า ความเสี่ยงระหว่างตลาดแรงงานและเงินเฟ้อยังคง "อยู่ในภาวะสมดุล" ขณะที่แรงกดดันด้านราคา "มีความคืบหน้า" สู่เป้าหมาย โดยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)ที่ไม่รวมอาหารและพลังงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลัก อยู่ที่ระดับ 2.6% ในเดือนกันยายน
ทั้งนี้ เมื่อถูกถามถึงนโยบายที่อาจมาจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ที่จะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม นายพาวเวลปฏิเสธที่จะคาดการณ์ล่วงหน้า โดยกล่าวว่าเฟดจะดำเนินการตามกระบวนการปกติในการจำลองผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเมื่อนโยบายต่างๆ เริ่มมีรูปร่าง
เมื่อถูกถามเมื่อวันพฤหัสบดีว่าจะลาออกหากถูกขอหรือไม่ พาวเวลตอบอย่างชัดเจนว่า "ไม่"
ทั้งนี้พาวเวลและทรัมป์เคยมีความขัดแย้งเรื่องนโยบายอัตราดอกเบี้ยในช่วงปี 2018-2019 ระหว่างที่นายทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยแรก