จากกรณี "เรือหลวงสุโขทัย" ประสบเหตุน้ำเข้าเรือเนื่องจากคลื่นลมแรง ขณะทำการลาดตระเวนอยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือจนเครื่องไฟฟ้าดับ เครื่องจักรใหญ่หยุดทำงานเป็นเหตุให้ไม่สามารถควบคุมเรือได้จนทำให้เรือเอียงและอับปางลงใต้ทะเล
ส่งผลทำให้มีผู้ประสบเหตุในครั้งนี้จำนวน 105 ราย โดยได้รับการช่วยเหลือแล้ว 76 ราย สูญหายอยู่ระหว่างการค้นหาเพื่อช่วยเหลือจำนวน 23 ราย และเสียชีวิต 6 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565
สำนักงาน คปภ.ได้บูรณาการร่วมกับศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ณ กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่ออำนวยความสะดวกตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัย ตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ให้คำแนะนำแก่ผู้ประสบภัยและญาติของผู้ประสบภัย รวมทั้งประสานบริษัทประกันภัยเพื่อจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้อย่างทันท่วงที และได้มีการรายงานการช่วยเหลือด้านการประกันภัยไปแล้วนั้น
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการช่วยเหลือด้านประกันภัย พบว่า ในจำนวนผู้สูญหาย 23 ราย มีการทำประกันภัย 13 ราย และในจำนวนผู้เสียชีวิต 6 ราย มีการทำประกันภัย 3 ราย จำนวนเงินเอาประกันภัยรวม 27,285,444 บาท
โดยทำประกันภัยไว้กับ 14 บริษัท ประกอบด้วย 1.บริษัท ชับบ์ ไลฟ์ แอสชัวรันซ์ จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 3.บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 4.บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 5.บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
6.บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) 7.บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) 8.บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 9.บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 10.บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
11.บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 12.บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 13.บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ14.บริษัท เอไอเอ จำกัด
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. อยู่ระหว่างการบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่า ผู้ประสบภัยในครั้งนี้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่