เรือหลวงสุโขทัยอับปางลงกลางทะเลอ่าวไทย ตั้งแต่คืนวันที่ 18 ธ.ค. 65 โดยมีกำลังพลที่สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากกว่า 30 นาย
ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตกรณีเรือหลวงสุโขทัยอยู่ที่ 6 ราย สูญหาย 23 ราย จากยอดกำลังพลทั้งสิ้น 105 ราย
พล.น.ต.ทองย้อย แสงสินชัย อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ กองทัพเรือ โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยมีข้อความระบุว่า
เรือรบไทยมีอาถรรพณ์?
เรื่องนี้ไม่ใช่ “ทาง” ของผม
แต่เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นเฉพาะหน้า ผมก็เก็บเอามาตรึกตรองตามวิสัยของมนุษย์ซึ่งจะต้องคิดอะไรต่อมิอะไรเป็นธรรมดา
เพราะฉะนั้น อย่าคิดอะไรมาก คิดเล่นๆ เขียนเล่นๆ อ่านกันเล่นๆ เท่านั้นพอ
เรือหลวงหรือเรือรบแห่งราชนาวีไทยมีหลักเกณฑ์ในการตั้งชื่อตามภารกิจของเรือแต่ละลำ ผมไม่ได้ศึกษารายละเอียด จึงบอกหลักเกณฑ์นั้นไม่ได้
แต่สังเกตเห็นว่า มีเรือที่ตั้งชื่อตามยุคประวัติศาสตร์ของชาติ 4 ลำ คือ
เกิดอะไรขึ้นกับเรือทั้ง 4 ลำ?
เรียงตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดเป็นดังนี้
ดูตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เทียบกับยุคประวัติศาสตร์ของไทยก็คือเกิดขึ้นย้อนยุค
เริ่มที่กรุงธนบุรี
ถอยขึ้นไปกรุงศรีอยุธยา
ถอยขึ้นไปกรุงสุโขทัย
ดูตามช่วงเวลา ก็มีนัยที่ผกผันน่าสังเกต
ลำดับเหตุการณ์เหมือนเมืองหลวงมองขึ้น
ช่วงเวลาระหว่างเหตุการณ์หนึ่งถึงเหตุการณ์หนึ่งเหมือนอายุเมืองหลวงมองลง
เพราะฉะนั้น อายุกรุงสุโขทัยถึงกรุงศรีอยุธยาเป็นเวลากี่ปี ก็จะเป็นช่วงเวลาโดยประมาณ-จากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดกับเรือหลวงที่มีชื่อตามยุคประวัติศาสตร์ของชาติลำต่อไป ซึ่งก็คือ-เรือหลวงรัตนโกสินทร์ นั่นหมายถึง-ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเรือหลวงอีก
ซึ่งนั่นก็จะเป็นอายุโดยประมาณระหว่างกรุงรัตนโกสินทร์กับเมืองหลวงของไทยที่จะเกิดใหม่ในอนาคต นั่นหมายถึง-ถ้าจะมีที่ไหนเป็นเมืองหลวงใหม่อีก
ที่น่าสังเกตก็คือ ถ้านับย้อนยุคประวัติศาสตร์ ก็จะต้องเป็น-รัตนโกสินทร์ < ธนบุรี < อยุธยา < สุโขทัย
ตามนัยนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์กับเรือ ก็น่าจะเกิดกับเรือหลวงรัตนโกสินทร์ก่อน แล้วจึงไป > เรือหลวงธนบุรี > เรือหลวงศรีอยุธยา > เรือหลวงสุโขทัย ตามลำดับที่เกิดจริง
แต่กลับข้ามลำดับ ไปเกิดกับเรือหลวงธนบุรีก่อน
เรือหลวงรัตนโกสินทร์ยังประจำการอยู่ในราชนาวีไทยเป็นปกติสุขทุกประการ
มีนัยสำคัญอย่างไรกับชะตากรรมของบ้านเมือง?
ผมไม่รู้ บอกแล้วว่า เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ทางของผม
ได้แต่คิดเอาเองว่า รักษาระยะห่างของเหตุการณ์ระหว่างเรือหลวงสุโขทัยกับเรือหลวงรัตนโกสินทร์ไว้ได้นานเพียงไร นั่นแหละคืออัตราส่วนอายุของกรุงรัตนโกสินทร์
และถ้าสามารถดูแลรักษาใช้งานเรือหลวงรัตนโกสินทร์ไปได้ตามปกติจนหมดสภาพไปเอง ปลดระวางตามอายุขัย ก็จะเป็นสิ่งประเสริฐยิ่งนัก เพราะเป็นนัยว่า กรุงรัตนโกสินทร์ของเราก็จะมั่นคงยั่งยืนไปชั่วกาลนานเทอญ-เช่นเดียวกัน
แต่ในอนาคต ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง
รู้แต่ว่า วันนี้
รักษาเรือหลวงรัตนโกสินทร์ไว้ได้
รักษากรุงรัตนโกสินทร์ไว้ได้
ที่มาภาพ : เฟสบุ๊ก ทองย้อย แสงสินชัย