ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQMalfha เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขออนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.50 บาท ต่อหุ้น เป็นเงินรวม 300 ล้านบาท หลังจากผลประกอบการปี 2566 มีรายได้รวม 3,756.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 859.6 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 22.9% ซึ่งรายได้จากการให้บริการเติบโตต่อเนื่อง มาจากทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกัน ทั้งประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ
ทั้งนี้ นับจากวันที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ TQMalpha สร้างรายได้นิวไฮได้อย่างต่อเนื่องในทุกๆปี ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อเสริมประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน การส่งเสริมศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่อง และร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจบริษัทประกันและบริษัทในเครือ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ทั้งในความคุ้มครองและราคาของผลิตภัณฑ์ประกันที่สามารถแข่งขันได้
สำหรับ ปี 2567 ตั้งเป้ายอดเบี้ยประกัน 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,000 ล้านบาท รวมไปถึงบริการที่เกี่ยวเนื่อง เช่น บริการด้านสินเชื่อเพื่อซื้อประกันซึ่งเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยปีนี้ TQMalpha ยังคงมุ่งพัฒนาทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ประกัน การเงิน และเทคโนโลยีแพลตฟอร์มให้เติบโตไปด้วยกัน สร้างความเชื่อมโยงและเกื้อหนุนกัน มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมศักยภาพในกระบวนการทำงาน เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า
“ปีนี้มีแผนการใช้ AI ในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อสร้างการเติบโตขององค์กรและพัฒนาเป็น InsurTech อย่างเต็มตัว ด้านกลุ่มธุรกิจการเงิน ในปี 2566 ได้มีการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อประกันให้แก่ลูกค้ากว่า 1,800 ล้านบาท โตขึ้น 100%” ดร.อัญชลินกล่าว
ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า คาดว่าตลาดประกันปี 2567 มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งยอดจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้น ในปีที่ผ่านมาก็เพิ่มขึ้น ความนิยมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มียอดจดทะเบียนใหม่ปี 2566 จำนวน 75,707 คัน ส่งผลให้ประกันรถ EV เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้า ซึ่งประกันรถ EV มีเบี้ยประกันสูงกว่ารถสันดาปค่อนข้างมากเมื่อเทียบในทุนประกันเท่ากัน ซึ่งปีที่ผ่านมา TQM มียอดขายประกันรถ EV กว่า 4,200 คัน
TQMalpha ยังเดินหน้าต่อด้วยกลยุทธ์ “One Customer Multiple Products” เพิ่มโอกาสในการขายโดยนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแง่มุมต่างๆ อีกทั้งยังนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริการลูกค้า เช่น การสร้าง Customer Data Platform เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์สำหรับการให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร
“เรายังมุ่งเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ต้องการเลือกซื้อ ตัดสินใจ และชำระเงินเองในแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยปีนี้ เราจะพัฒนาช่องทางการขายออนไลน์ให้เลือกซื้อง่ายขึ้น ชำระเงินง่ายขึ้น และรับบริการง่ายขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค”ดร.นภัสนันท์กล่าว