ความวุ่นวายใน บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA จากปมความขัดแย้งระว่าง 2 กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ คือกลุ่มวิษณุ เทพเจริญ และกลุ่มประเดช กิตติอิสรานนท์ จนสร้างความงุนงงให้กับผู้ติดตามอยู่ในขณะนี้ว่า ใครกันแน่คือ ประธานกรรมการ และกรรมการบริหาร เพราะบริษัทเดียวกัน แต่มีบอร์ด 2 ชุดระหว่างชุดเก่าและชุดใหม่
จนล่าสุด ( 21 มี.ค.67) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีคำสั่งให้ NUSA ชี้แจงข้อเท็จจริง ขีดเส้นภายใน 25 มี.ค. 67 จากการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 15 มี.ค.67 ที่นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานบอร์ดเก่า แจ้งว่ามิได้รู้เห็นการเรียกประชุมบอร์ด การประชุมดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ขณะที่ประธานบอร์ดใหม่ นพพล มิลินทางกูร แจ้งว่าตนในฐานะประธานกรรมการ ได้เรียกประชุมบอร์ดในวันดังกล่าว ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติอนุมัติให้เรียกประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 และได้นำส่งสารสนเทศเกี่ยวกับการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นให้กับกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท
ความขัดแย้งระหว่าง 2 ผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่ต่างฝ่ายต่างงัดหลักฐานฟาดฟันลามไปสู่การขายสินทรัพย์ กระทบไปถึงการบริหาร จนฉุดสถานะการเงินบริษัทดำดิ่งขาดสภาพคล่อง จากเงินสดที่รายงานเหลือเพียง 39 ล้านบาท
เบื้องหลังศึกขัดแย้งใน NUSA วิษณุ เทพเจริญ ในฐานะเจ้าของเดิมที่ยังคงถือหุ้น NUSA ราว 27% เคยตั้งโต๊ะแถลงเมื่อช่วงปลายปี 66 ว่า ต้นเหตุความขัดแย้งกับกลุ่มนายประเดช กิตติอิสรานนท์ ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ที่เข้ามาถือหุ้นใหญ่ 52% ก็คือ "หุ้น วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH)" ซึ่งเป็น 1 ใน 6 รายการสินทรัพย์ที่ NUSA ต้องการขายออกไป รวมมูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านบาท จนสร้างความไม่พอใจให้อีกฝ่าย มีการให้ข้อมูลบิดเบือนจากความจริง
โดย NUSA ถือหุ้น WEH จำนวน 7.74 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.12% ของทุนจดทะเบียน มูลค่าทางบัญชี ณ วันที่ 30 ก.ย. 66 อยู่ที่ราว 3.37 พันล้านบาท รวมถึงประเด็นที่กลุ่มของตนเองที่เป็นผู้ถือหุ้นเดิมได้ดำเนินการตามความเห็นของนายประเดช โดยเฉพาะการเข้าไปถือหุ้นใน บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) ราว 24% ทำให้ NUSA ต้องแบกขาดทุน จากตอนที่เข้าลงทุนมีมูลค่า 800 ล้านบาท ( คำนวณ ณ ราคาปิด 20 มี.ค.67 ปัจจุบันเหลือราว 500 ล้านบาท )
วิษณุ เทพเจริญ ยังได้ยื่นคำต่อศาลแพ่งขอให้เพิกถอนธุรกรรมแลกหุ้นทั้งหมด (Share Swap) สัญญาที่ NUSA เป็นผู้ถือหุ้นของ WEH และผู้ถือหุ้นของ WEH เป็นผู้ถือหุ้นของ NUSA
ฟากกลุ่มนายประเดช กิตติอิสรานนท์ ซึ่งมี บจก. ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง (TNH) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ NUSA สัดส่วน 24.98% ได้ใช้สิทธิตามมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 จัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น NUSA ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 29 ก.พ.67 วาระสำคัญคือ เสนอถอดถอนนายวิษณุ เทพเจริญ ออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการ และตำแหน่งกรรมการ พร้อมเสนอการแต่งตั้ง นายนพพล มิลินทางกูร เข้าดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริษัทแทน และเสนอถอดถอน นางศิริญา เทพเจริญ และนายสมพิจิตร ชัยชนะจารักษ์ พ้นจากกรรมการ
ตลอดจนเสนอให้นายประเดช กิตติอิสรานนท์ นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ และนายไพโรจน์ ศิริรัตน์ กรรมการบริษัท 2 ใน 3 ลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทแทน นอกจากนี้แผนการจำหน่ายทรัพย์สิน การจำหน่ายหุ้น WEH นั้น ได้เสนอว่าการจำหน่ายหุ้น WEH จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นทุกครั้ง ไม่ว่าจะมีขนาดรายการเท่าใดก็ตาม
โดยกลุ่มประเดช ให้สาเหตุในการปลดบุคคลดังกล่าวว่า เนื่องจาก NUSA ไม่สามารถชี้แจงข้อซักถามของตลท.และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเฉพาะการซื้อกิจการโรงแรมในเยอรมนี ที่เปลี่ยนเป็นการเข้าซื้อบริษัทที่มีหนี้สินสูงกว่าทรัพย์สิน 407 ล้านบาท ซึ่งผู้สอบบัญชีได้แสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขในงบการเงิน การนำทรัพย์สินของบริษัทออกขายให้กับบุคคลใกล้ชิดบอร์ดและผู้บริหาร ในโครงการบ้านกฤษณา-พระราม 5 โดยไม่ผ่านคณะกรรมการตรวจสอบ จนถูกตรวจพบในภายหลัง ซึ่งต่อมาคณะกรรมการตรวจสอบมีความเห็นว่าราคาซื้อขายไม่สมเหตุสมผล และสั่งให้เพิกถอนธุรกรรมดังกล่าว
อย่างไรก็ดี มติผลประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 ก.พ.67 ได้อนุมัติ และไม่อนุมัติวาระดังนี้
มติอนุมัติ
มติไม่อนุมัติ
ไล่เรียงจากต้น ท้ายสุดต้องรอคำตอบ NUSA ที่จะชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์ ฯ ภายในวันที่ 25 มี.ค.67 ว่าแต่...ความไม่ชัดเจนบอร์ด-การบริหาร ความขัดแย้งที่ดูจะจบไม่ง่าย จะไม่ยิ่งซ้ำเติมสถานะบริษัทให้แย่ไปกว่าเดิมหรือ ?